พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน รอง ผบช.น. เปิดเผยความคืบหน้า เหตุยิงกลางห้างดัง ย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อวานนี้ว่า เบื้องต้น นายดนุสรณ์ นุ่มเจริญ อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาในคดีนี้ให้การรับสารภาพลงมือก่อเหตุ เพราะหึงหวงและแค้นส่วนตัว ไม่ได้มีเจตนาทำร้ายผู้อื่น เพียงกระสุนพลาดไปโดนเท่านั้น โดยรู้สึกผิดต่อการกระทำและอยากขอโทษ ในส่วนของอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ มีทะเบียน แต่อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นการสวมทะเบียนหรือไม่ โดยส่วนตัวผู้ต้องหายอมรับว่ามีความชื่นชอบและเคยสะสมปืนไว้ในครอบครอง 3 กระบอก ขณะที่การตรวจสอบประวัติคดีอาชญากรรมพบว่าไม่เคยต้องโทษ ส่วนการตรวจหาสารเสพติดในร่างกายนั้นอยู่ระหว่างการรอผล ส่วนจะมีการนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนชี้จุดประกอบคำรับสารภาพหรือไม่นั้นให้ขึ้นอยู่กับความยินยอมของผู้ต้องหา ขณะเดียวกันพี่สาวของผู้ตาย เดินทางมาที่ สน.พญาไท เพื่อติดต่อขอเอกสารในการรับศพน้องสาว เผยว่า ผู้ตายโดนทำร้ายร่างกายมาตลอด 5-6 ปี แต่อดทน เนื่องจากโดนผู้ต้องหาขู่ว่าจะทำร้ายพ่อแม่และคนรอบข้างของผู้ตาย ในส่วนของลูกนั้น พี่สาวกล่าวว่า ผู้ต้องหาไม่เคยส่งเสีย แต่เป็นฝ่ายตากับยายช่วยดูแล พร้อมยืนยันว่าน้องสาวไม่ได้มีชู้ ขณะนี้อยู่ระหว่างกู้คืนหลักฐานการสนทนาทางแชทเพื่อยืนยันและหาหลักฐานที่ผู้ตายเคยโดนขู่ทำร้าย อย่างไรก็ตาม จะรับศพน้องสาวกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด จ.ตาก ล่าสุด กองพิสูจน์หลักฐานได้เดินทางมายังศูนย์สอบสวน บช.น. นำเครื่องมือและอุปกรณ์มาตรวจสอบหาคราบเขม่าดินปืน ที่หลงเหลืออยู่ตามร่างกายของผู้ต้องหา พร้อมทั้งเก็บพยานหลักฐานลายนิ้วมือ เพื่อนำมาเทียบเคียงกับอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ที่ทางเจ้าหน้าที่ตรวจยึดได้ นำมาใช้ประกอบพยานหลักฐานในการดำเนินคดีต่อไป ตัวแทนครอบครัว ของ นางสาวปิยนุช ฉัตรไทย ผู้เสียชีวิต ที่ถูกอดีตสามียิง เสียชีวิตในคลีนิค ติดต่อขอรับศพ ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลรามาธิบดี ท่ามกลางความโศกเศร้า เพื่อกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด นางนารีรีตน์ ทรงพระสุวรรณ ลูกพี่ลูกน้อง ของผู้เสียชีวิต ระบุถึง สาเหตุการหย่าร้างของน้องสาวหลังอยู่กินกับนายดนุสรณ์ อดีตสามีจนมีลูก 1 คน มานานกว่า 10 ปี ว่า เรื่องเกิดจาก ฝ่ายชายเป็นคนอารมณ์ร้อน หึงหวง และชอบลงไม้ลงมือ พร้อมข่มขู่ พ่อกับแม่ของผู้ตาย มา 4-5 ปี จนผู้ตายทนไม่ไหว ต้องตัดขาดจากครอบครัว เพื่อไม่ให้ผู้ต้องหาตามมาข่มขู่ได้อีก จนต้องหลบหนีไปขออาศัยอยู่กับเพื่อน เมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่ฝ่ายชายยังตามตื้อ และออกอุบายขอหย่า เพื่อหลอกล่อให้ผู้เสียชีวิตออกมาปรากฎตัว จนมีการเซ็นต์ใบหย่าให้ และกระทั่งมาก่อเหตุยิงจนน้องสาวเสียชีวิต พร้อมย้ำว่าก่อนหน้านี้อดีตสามีของผู้เสียชีวิต มีภรรยาใหม่อยู่แล้ว แต่ยังมาตามตื้อน้องสาวอยู่ ซึ่งเรื่องดังกล่าวครอบครัวผู้ตายก็รู้เรื่องมาตลอด อีกทั้งตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ผู้ต้องหาไม่เคยส่งเสียเลี้ยงดูลูกเลย ปล่อยให้อยู่กับตายาย ที่จังหวัดตาก โดยอ้างว่า ตายยายเลี้ยงดูได้ ขณะนี้ทางพ่อแม่ และลูกชายของผู้เสียชีวิต ทราบเรื่องแล้ว และยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเชื่อว่าญาติทั้งหมดคงไม่ให้อภัย แม้จะสำนึกผิดและมาขอขมา โดยเรียกร้องขอให้ตายตกไปตามกัน ส่วนกรณีแชทเฟซบุ๊ก ระหว่าง ผู้ต้องหากับเพื่อนชายคนใหม่ ญาติยอมรับว่าพึ่งทราบเรื่อง เนื่องจาก 2 ปีที่ผ่านมา ผู้ตายบล็อกเฟซบุ๊กของญาติทุกคน จึงไม่มีใครรู้ความเคลื่อนไหว แต่ยอมรับว่าผู้ตายในอดีตเป็นคนเรียบร้อย ร่าเริง จนเริ่มเป็นคนเก็บตัวไม่สุงสิงกับใคร รวมถึงปัญหาทั้งหมด ไม่ได้เล่าให้ใครฟังก่อนเสียชีวิต ญาติจึงไม่ทราบรายละเอียด ว่าผู้ตายมีเพื่อนชายหรือเพื่อนสนิทอีกหรือไม่ ยืนยันว่า อยากถามผู้ต้องหาว่าทำไมต้องโหดร้ายอมหิต เนื่องจากได้หย่าร้างแยกทางกันไปแล้ว สำหรับ ศพของผู้เสียชีวิต ทางครอบครัว จะนำไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ที่บ้านเกิดในพื้นที่หมู่ 3 ท่าไผ่ ต.ยกระบัตร อ.สามเงา จ.ตาก โดยจะมีการฌาปนกิจในวันเสาร์ ที่ 22 กุมภาพันธ์ นี้