รอง ผบ.ตร. ลงสอบปมกระทงลายการ์ตูนละเมิดลิขสิทธิ์
ที่ สภ. เมืองนครราชสีมา กลุ่มผู้เสียหายจากการถูกจับลิขสิทธิ์ของผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นตัวแทนเจ้าของลิขสิทธิ์ตัวการ์ตูนดัง จำนวน 22 ราย ได้เดินทางเข้าให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่สภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งได้จัดเตรียมทีมทนายความ 20 คน เข้ารับเรื่องราวร้องทุกข์จากผู้ที่เดือดร้อนจากการถูกจับกุมลิขสิทธิ์ โดยทีมทนายความได้ทำการตรวจสอบรายละเอียดข้อเท็จจริง และคัดแยกกลุ่มผู้ที่ถูกจับกุมว่า ผู้ที่ถูกจับกุมรายใดกระทำผิดจริง และผู้ถูกจับกุมรายใดเข้าข่ายถูกกรรโชกทรัพย์ ก่อนจะพิจารณาแจ้งความดำเนินคดีกับตัวแทนลิขสิทธิ์ ซึ่งเงินรวมเกือบ 5 แสนบาท เบื้องต้นผู้เสียหายทั้งหมดให้การค่อนข้างตรงกันว่า ได้รับจ้างทำกระทง สติ๊กเกอร์ เคสโทรศัพท์มือถือ และดอกไม้พลาสติกเป็นรูปการ์ตูน โดยขายผ่านทาง facebook และถูกว่าจ้างล่อซื้อให้ทำสินค้ามาส่งมอบให้กับผู้สั่งซื้อ ก่อนจะถูกจับกุม และเรียกค่าเสียหายรายละ ตั้งแต่ 5,000 บาท ไปจนถึง 100,000 บาท ซึ่งพฤติการณ์การสั่งซื้อสินค้าจะคล้ายๆ กัน คือ จะถูกติดต่อล่อซื้อโดยลูกค้าที่เป็นผู้หญิง และเมื่อถึงเวลานัดส่งมอบสินค้าก็จะถูกกลุ่มชายที่อ้างตัวว่าเป็นตัวแทนลิขสิทธิ์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมฐานละเมิดลิขสิทธิ์ อย่างเช่น นางสาวมีนา ทรัพย์ทราบ หนึ่งในผู้ถูกจับกุมละเมิดลิขสิทธิ์ เปิดเผยว่า ตนเองถูกจับกุมเมื่อวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา ในคดีละมิดลิขสิทธิ์ทำกระทงลายการ์ตูนเหมือนกับเด็กสาวอายุ 15 ปีที่เป็นข่าว โดยก่อนถูกจับกุมตนถูกหญิงสาวคนหนึ่งติดต่อให้ทำกระทงลายการ์ตูนลวดลายคุมะ และกาฟิวส์ จำนวน 40 ชิ้น และเมื่อถึงตอนนัดส่งมอบสินค้าตนก็ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งตัวแทนลิขสิทธิ์ และตำรวจทำการจับกุม ก่อนจะถูกเรียกร้องค่าเสียหายจากตัวแทนลิขสิทธิ์เป็นจำนวนเงิน 70,000 บาท แต่สุดท้ายเจรจาต่อรองเหลือ 30,000 บาท โดยตนต้องกู้หนี้ยืมเงินเพื่อนบ้านมาจ่ายเป็นค่าเสียหาย และขณะนี้ได้รับความยากลำบากเป็นอย่างมาก พลตำรวจเอก วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว และได้สอบถามรายละเอียดกับเด็กสาววัย 15 ปีที่ถูกจับกระทงละเมิดลิขสิทธิ์ โดยรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า การเดินทางลงพื้นที่วันนี้เพื่อมาดูรายละเอียดกรณีต่างๆที่เกิดขึ้น เนื่องจากมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมากในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งวันนี้จะได้ดูในรายละเอียดว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ซึ่งหากพบว่า ผู้ที่เป็นตัวแทนลิขสิทธิ์ ไม่ได้ถูกแต่งตั้งจากบริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์จริงก็จะต้องถูกดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด และเงินที่ได้เรียกร้องไปทั้งหมดได้จ่ายต่อไปถึงใครบ้างก็จะต้องมีการสอบสวนทั้งในต่างประเทศ และในประเทศ แต่หากเป็นตัวแทนเจ้าของลิขสิทธิ์จริงก็จะดูว่า การจับกุมดำเนินการไปตามขั้นตอนกฎหมายหรือไม่ ซึ่งตนยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
