กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) นายพุทธิพษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมด้วย นาวาเอกสมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม , พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. , พ.ต.อ.วัชรพันธ์ ศิริพากย์ ผกก.1 บก.ปอท. และ พ.ต.อ.ขวัญชัย พัฒรักษ์ ผกก.3 บก.ปอท. ร่วมแถลงผลปฏิบัติการตามล่า “LINE Group Hacker” สามารถจับกุมผู้ต้องหา 2 คดี 1.คดีร่วมกันสร้างลิงค์ปลอมส่งไปยังระบบแอพพลิเคชั่นไลน์เพื่อนำข้อมูลผู้เสียหายไปแสวงหาประโยชน์ในทางอื่น และ 2.คดีร่วมกันแฮกข้อมูลคะแนนกระเป๋าเงินออนไลน์จากระบบโทรศัพท์ผู้อื่นมาแสวงหาประโยชน์ นายพุทธิพษ์ กล่าวว่า การกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมกับ ปอท. ดำเนินการจับกุมผู้ต้องหา 2 คดี โดยคดีแรก สืบเนื่องเมื่อวันที่ 11 ต.ค.62 ได้จับกุมตัวผู้ต้องหา 1 ราย ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1540/2562 ลงวันที่ 11 ต.ค.62 บริเวณซอยนุปผาบุรี แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ พร้อมทำการขยายผลไปยังผู้ร่วมกระทำผิด จากนั้น วันที่ 6 พ.ย.62 มีผู้ต้องหามามอบตัวอีก 1 ราย รวมมีผู้ร่วมกระทำความผิดทั้งหมด 2 ราย และ คดีที่สอง พนักงานสอบสวนจับกุมผู้ต้องหา 1 ราย ได้ที่ ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี หลังมีพฤติการณ์ฉ้อโกงคะแนนสะสมหรือกระเป๋าเงินออนไลน์ของผู้ให้บริการโทรศัพท์ เมื่อวันที่ 13 พ.ย.62 ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1705/2562 ลงวันที่ 12 พ.ย.62 ด้าน พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ เปิดเผยว่า สำหรับคดีแรก ผู้ต้องหาสร้างโปรแกรมส่งลิงค์เว็บไซต์ลามก แฝงโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหารเสริม หรือโหวตคะแนนประกวดต่างๆ ไปตามระบบแอพพลิเคชั่นไลน์บุคคลอื่น กระทั่งเมื่อผู้เสียหายกดเข้าไปดูลิงค์เว็บไซต์ดังกล่าว คนร้ายจะได้ข้อมูลผู้เสียหายและรู้ความเคลื่อนไหวกลุ่มไลน์ต่างๆ ก่อนคนร้ายจะทักไปขอยืมเงินคนรู้จักในแอพพลิเคชั่นไลน์โดยผู้เสียหายไม่รู้ตัว หลังได้รับเงินแล้วจะปิดไลน์หนีทันที ซึ่ง มีเหยื่อหลงเชื่อจำนวนมาก และมูลค่าความเสียหายหลักแสนบาท พบประวัติทำมาแล้ว 3-4 เดือน ก่อนแจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ม.5 ม.7 ม.12 “เข้าถึงโดยมิชอบและระบบข้อมูลคอมพิวเตอร์ฯ ที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ” ม.11 ” ส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ฯ อันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดยปกติสุข” และ ม.14 (5) ” เผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะอันลามกฯ” พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ เผยอีกว่า คดีที่สอง ผู้ต้องหานำข้อมูลเลขบัตรประชาชนของผู้เสียหายมาลงทะเบียนซิมการ์ดเพื่อขอใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่อีกหมายเลขหนึ่ง พร้อมทำการโอนคะแนนสะสมทั้งหมดของผู้เสียหายมายังหมายเลขโทรศัพท์ผู้ต้องหา จากนั้น นำคะแนนจากกระเป๋าเงินออนไลน์ไปแลกสินค้าและบริการต่างๆ เช่น บัตรชมภาพยนตร์ คูปองแลกสินค้าร้านสะดวกซื้อ ต่อมา ผู้ต้องหานำสินค้าเหล่านั้นมาทำการประกาศขายในเฟซบุ๊กของตนเอง เบื้องต้น พนักงานสอบสวน บก.ปอท. แจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ” ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น , เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตนเองฯ” นอกจากนี้ นายพุทธิพษ์ ยังเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 พ.ย.นี้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้เปิด “ศูนย์ต่อต้านความปลอม” (Anti Fake News Center) ทางเว็บไซต์ antifakenewscenter.com หรือหมายเลขโทรศัพท์ 0 2288 8000 เพื่อจะได้ดำเนินการสืบสวนปราบปรามต่อไป โดยขณะนี้พบข้อมูลข่าวปลอม 120,000 ข้อมูล คัดกรองเหลือ 50,000 ข้อมูล และเหลือข่าวปลอมชัดเจนประมาณ 7,000 ข้อมูล แบ่งเป็นเรื่องยาเสพติด , ภัยพิบัติ , การเงิน , ความมั่นคงประเทศ และ นโยบายรัฐบาล ซึ่งได้นำข้อมูลดังกล่าวมาติดตามเฝ้าระวังผู้ไม่หวังดีร่วมกับ บก.ปอท.เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย