วันนี้ (17 ธ.ค.62) เวลา 13.30 น. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. ในฐานะกำกับดูแลศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2563 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.ศักดา ชื่นภักดีพล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย พล.ต.ท.พงษ์วุฒิ พงษ์ศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้ประชุมสั่งการให้ตำรวจทั่วประเทศ เตรียมพร้อมปฏิบัติในการอำนวยความสะดวกการจราจร ลดอุบัติเหตุและนำจิตอาสาร่วมปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญในการอำนวยความสะดวกการจราจรให้แก่ประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวในต่างจังหวัดให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด และมุ่งเน้นการลดการเกิดอุบัติเหตุการบาดเจ็บ การสูญเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน ในช่วง 7 วันอันตราย ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2562 ถึงวันที่ 2 มกราคม 2563 โดยใช้กำลังตำรวจกว่า 74,000 นาย
สำหรับนโยบายด้านการจราจรในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563 ของ ตร. มีจุดเน้น ดังนี้
1.การอำนวยความสะดวกและจัดการจราจร ในช่วงที่มีประชาชนออกเดินทางจำนวนมาก
ได้จัดเตรียมความพร้อมด้านกำลังพล อุปกรณ์เครื่องมือ และระบบการสื่อสาร เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้ประชาชนสามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกและปลอดภัย รวมถึงการจัดการจราจรติดขัดบริเวณทางแยก และหน้าสถานีบริการน้ำมันหรือจุดแวะพักรถที่มีผู้เข้าใช้บริการเป็นจำนวนมาก เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อการจราจรบนเส้นทางหลัก โดยมีศูนย์ควบคุมสั่งการจราจรอยู่ที่กองบังคับการตำรวจทางหลวง หมายเลขสายด่วน 1193 หรือดาวน์โหลด line application @highway1193 ไว้สำหรับสอบถามเส้นทาง แจ้งอุบัติเหตุ รับข้อมูลประชาสัมพันธ์เส้นทาง พร้อมทั้งได้มีการดำเนินการในการอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการใช้รถและถนนสำหรับประชาชน ดังนี้
1.1 ออกข้อบังคับหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรทั่วราชอาณาจักร ว่าด้วยการกำหนดห้ามรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไปเดินในถนนบางสาย (ระหว่าง 27 ธ.ค.62 – 3 ม.ค.63) เส้นทางห้ามวิ่ง 5 เส้นทาง ระยะทางรวม 139 กม. ได้แก่ 1.มิตรภาพ:ทับกวาง– คลองไผ่ กม.15-93 ระยะทาง 78 กม. 2. กบินทร์บุรี-ปักธงชัย: กบินทร์ฯ-นาดีกม.165-195 ระยะทาง 30 กม. 3. อรัญประเทศ-นางรอง ทัพราช กม.71-80 ระยะทาง 9 กม. 4.พหลโยธิน: นครสวรรค์ กม.332-347 ระยะทาง 15 กม. 5.รังสิโยทัย (ทล.117) : นครสวรรค์ กม.0-7 รวมระยะทาง 7 กม.
ในกรณีรถบรรทุกบางประเภทที่มีความจำเป็นต้องเดินรถในถนนดังกล่าวข้างต้น สามารถขออนุญาตหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรจังหวัดนั้นๆ (ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด)
1.2 ออกข้อบังคับหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรทั่วราชอาณาจักร ว่าด้วยการกำหนดช่อง หรือแนวทางเดินรถขึ้นและล่องในถนนบางสาย (ขาขึ้น 9 จุด ระหว่าง 21 -31 ธ.ค.62 และขาล่อง 16 จุด ระหว่าง (1 – 3 ม.ค.63) ใช้เป็นช่องทางพิเศษ เพื่อระบายรถช่วงที่หนาแน่นให้คล่องตัว (Reversible Lane)
1.3 การประชาสัมพันธ์ข้อมูลเส้นทางเลี่ยงของถนนสายต่างๆ ทั้ง 4 ภาค (ภาคเหนือ อีสาน ตะวันออกและใต้) ตามภาพ Infographic ที่ได้แจกจ่ายแล้ว
2. บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด โดยบังคับใช้กฎหมายจราจร 10 ข้อหาหลัก (10 รสขม) และ พ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 อย่างเข้มงวด จริงจัง และต่อเนื่อง โดย 10 ข้อหาหลัก
(10 รสขม) ได้แก่ 1ร – ขับขี่รถโดยใช้ความเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด , 2ส – ขับขี่รถย้อน- ฝ่าฝืนสัญญาณจราจร, 3ข – ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย – ไม่มีใบขับขี่ – แซงในที่คับขัน , 4ม – ขับขี่รถในขณะเมาสุรา – ไม่สวมหมวกนิรภัย – ไม่ขับขี่รถจักรยานยนต์(มอเตอร์ไซค์)ดัดแปลง- ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับขี่รถ
1.บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด โดยบังคับใช้กฎหมายจราจร 10 ข้อหาหลัก (10 รสขม) และ พ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 อย่างเข้มงวด จริงจัง และต่อเนื่อง โดย 10 ข้อหาหลัก (10 รสขม) ได้แก่ 1ร – ขับขี่รถโดยใช้ความเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด , 2ส – ขับขี่รถย้อน- ฝ่าฝืนสัญญาณจราจร, 3ข – ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย – ไม่มีใบขับขี่ – แซงในที่คับขัน , 4ม – ขับขี่รถในขณะเมาสุรา – ไม่สวมหมวกนิรภัย – ไม่ขับขี่รถจักรยานยนต์(มอเตอร์ไซค์)ดัดแปลง- ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับขี่รถ
โดยเน้นหนักในการจับกุมข้อหาที่เป็นปัจจัยเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงที่สุด คือ ขับขี่รถโดยใช้ความเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด, ขับขี่รถในขณะเมาสุรา, ไม่ขับรถไปตามทิศทางที่ได้กำหนดให้เดินรถทางเดียว (ย้อนศร) ไม่สวมหมวกนิรภัยอย่างเข้มข้น และเพิ่มชุดเคลื่อนที่เร็วให้มากที่สุดในแต่ละพื้นที่ ไปกวดขันวินัยการจราจรบริเวณจุดเสี่ยง หากพื้นที่ใดจัดงานเลี้ยงรื่นเริง จะบังคับใช้กฎหมายตามพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และตั้งจุดตรวจบริเวณใกล้ๆ สถานที่จัดงานเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับ
ทั้งนี้ ตร. ได้กำชับให้เข้มงวดในการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ของผู้ขับขี่ทุกราย กรณีมีเหตุ อันควรสงสัยหรือเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามโครงการ “ขับขี่ปลอดภัย มั่นใจ ไร้แอลกอฮอล์” ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข และกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) และร่วมกับขนส่งทางทางบก ตรวจสอบความปลอดภัยรถตู้ และรถโดยสารสาธารณะ ที่สถานีขนส่งรถโดยสารทั่วประเทศและมีการตรวจความพร้อมของพนักงานขับรถ จะต้องปราศจากแอลกอฮอล์และสารเสพติด ตรวจสอบชั่วโมงการขับรถจากสมุดประจำรถอย่างต่อเนื่อง
โดยเน้นหนักในการจับกุมข้อหาที่เป็นปัจจัยเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงที่สุด คือ
ขับขี่รถโดยใช้ความเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด, ขับขี่รถในขณะเมาสุรา, ไม่ขับรถไปตามทิศทางที่ได้กำหนดให้เดินรถทางเดียว (ย้อนศร) ไม่สวมหมวกนิรภัยอย่างเข้มข้น และเพิ่มชุดเคลื่อนที่เร็วให้มากที่สุดในแต่ละพื้นที่ ไปกวดขันวินัยการจราจรบริเวณจุดเสี่ยง หากพื้นที่ใดจัดงานเลี้ยงรื่นเริง จะบังคับใช้กฎหมายตามพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และตั้งจุดตรวจบริเวณใกล้ๆ สถานที่จัดงานเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับ
ทั้งนี้ ตร. ได้กำชับให้เข้มงวดในการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ของผู้ขับขี่ทุกราย กรณีมีเหตุ อันควรสงสัยหรือเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามโครงการ “ขับขี่ปลอดภัย มั่นใจ ไร้แอลกอฮอล์” ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข และกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) และร่วมกับขนส่งทางทางบก ตรวจสอบความปลอดภัยรถตู้ และรถโดยสารสาธารณะ ที่สถานีขนส่งรถโดยสารทั่วประเทศและมีการตรวจความพร้อมของพนักงานขับรถ จะต้องปราศจากแอลกอฮอล์และสารเสพติด ตรวจสอบชั่วโมงการขับรถจากสมุดประจำรถอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ตร.เน้นการบูรณาการกำลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยใช้กลไกการประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ซึ่งจะมีการประชุมทุกวันเวลา09.00น. เพื่อหารือแนวทางการลดอุบัติเหตุร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่าย เช่น ฝ่ายปกครอง กรมทางหลวงองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น แล้วกำหนดจุดเสี่ยง เพื่อตั้งจุดตรวจบริเวณจุดที่มีอุบัติเหตุบ่อยครั้ง โดย ตร.จะมีการประชุมกับพื้นที่ในช่วงบ่ายกรณีมีข้อสั่งการเพิ่มเติม หรือพื้นที่มีอุบัติเหตุสูงกว่ากำหนด
3. การนำจิตอาสาร่วมปฏิบัติในช่วงเทศกาล โดยศูนย์อำนวยการจิตอาสา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศอ.จอส.(ตร.)) บูรณาการ สำหรับในเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2563 ที่จะมาถึงนี้
ซึ่งในทุกปีจะมีการเดินทางของประชาชนเพื่อกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดปัญหาการจราจรอุบัติเหตุ สูญเสียชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้จัดโครงการ “ถนนปลอดภัย ด้วยวินัยจราจร” เป็นการสร้างวินัยจราจรโดยการร่วมกันของจิตอาสา เริ่มจากเป้าหมายถนนที่มีปัญหาด้านการจราจรในแต่ละพื้นที่ เช่น ติดขัด เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง หรือเป็นจุดสำคัญของชุมชน ตลาดโรงเรียน สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
โดย “โครงการถนนปลอดภัย ด้วยวินัยจราจร เป็นการร่วมมือกันทุกภาคส่วน มีจิตอาสาตำรวจ เป็นตัวกลางประสานความร่วมมือสร้างเป็นถนนต้นแบบของความร่วมมือจิตอาสาพัฒนา เป็นถนนปลอดภัย เช่น ลงพื้นที่เพื่อปรับภูมิทัศน์ ทาสีขอบทาง จัดเก็บต้นไม้กิ่งไม้หรือป้ายโฆษณาที่บดบังวิสัยทัศน์ในการขับขี่ ปรับปรุงเครื่องหมายจราจร รณรงค์แจกแผ่นพับใบปลิว หรือตรวจสภาพรถ เป็นต้น โดยจะมีการขับเคลื่อนงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีการประเมินผลทางสถิติทุกเดือน และประเมินผลเป็นรูปธรรมให้เห็นการพัฒนาทั้งก่อนและหลังดำเนินงาน ทั้งนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คาดหวังว่าการขับเคลื่อนงานด้านจิตอาสาในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ประจำปี ๒๕๖๓ จะเป็นกิจกรรมเสริมสร้างความปลอดภัย สามารถลดอุบัติเหตุทางถนนให้กับประชาชน ทั้งเส้นทางหลัก และเส้นทางรอง ในทุกๆ พื้นที่ทั่วประเทศ โดยใช้กิจกรรมจิตอาสาเป็นกลไกเสริมในการกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ การบริการสาธารณะ”
จึงขอประชาสัมพันธ์ให้สื่อมวลชนและประชาชนทราบถึงแนวทางการดำเนินการและมาตรการต่างๆ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำมาบังคับใช้เพื่อประโยชน์สุขแก่สังคมโดยรวม ทั้งนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความพร้อมสำหรับการอำนวยความสะดวกการจราจรให้ประชาชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวโดยสะดวกและปลอดภัยในเทศกาลส่งท้ายปีเก่าและต้อนรับปีใหม่ พ.ศ.2563 นี้โดยทั่วกัน