ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบสาวรับเปิดบัญชีม้าให้แก๊งสแกมเมอร์ หลอกลงทุนออนไลน์เหยื่อสูญเงินกว่าครึ่งล้าน พบมีประวัติเดินทางไปกัมพูชากว่า 10 ครั้ง

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB)โดยกองบังคับการตำรวจทางหลวง(บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก., พล.ต.ต.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย ผบก.ทล. กองกำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจทางหลวง นำโดย พ.ต.อ.อินทรัตน์ ปัญญา ผกก.7 บก.ทล., พ.ต.ท.จักรวฬามิ์ อยู่เย็นศิริ รอง ผกก.7 บก.ทล., พ.ต.ท.เกรียงศักดิ์ ยอดวิชา รอง ผกก.7 บก.ทล.
เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.1 กก.7 บก.ทล. นำโดย พ.ต.ท.พงษ์ศักดิ์ มีมุสิก สวญ.ส.ทล.1 กก.7 บก.ทล. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.ทล.1 กก.7 บก.ทล. (พังงา, กระบี่, ภูเก็ต)
ร่วมกันจับกุม น.ส.ศิรารัตน์ ฯ อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่ 674/2568 ลงวันที่ 16 ก.ค.2568 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “สนับสนุนการฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และสนับสนุนการเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะ เกิดความเสียหายแก่ประชาชน และยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือไม่รู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดอาญาอื่นใด” จับกุม บริเวณท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ ต.เหนือคลอง อ.เหนืองคลอง จ.กระบี่
พฤติการณ์ ก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายได้พูดคุยกับผู้ใช้บัญชี Tiktok รายหนึ่งซึ่งใช้ภาพโปรไฟล์เป็นหญิงสาวหน้าตาดีจากนั้นได้มีการพูดคุยตีสนิทผ่านทางไลน์ ต่อมาคนร้ายดังกล่าวได้เริ่มชักชวนผู้เสียหายให้ร่วมลงทุนขายสินค้าผ่านร้าน Tiktok Shop ผู้เสียหายหลงเชื่อได้โอนเงินไปร่วมลงทุนกว่า 5 แสนบาท ต่อมาเมื่อต้องการถอนเงินพบว่าไม่สามารถถอนเงินที่ลงทุนไปออกมาได้ จึงเชื่อว่าถูกหลอกและได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ขุนทะเล จว.สุราษฎร์ธานี พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้รวม 8 ราย อยู่ระหว่างประกาศสืบจับต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหารายนี้ ซึ่งเกี่ยวข้องเป็นเจ้าของบัญชีที่กลุ่มคนร้ายใช้ในการรับโอนเงินจากผู้เสียหาย ได้ปรากฎคตัวอยู่บริเวณสถานที่จับกุม จึงได้ร่วมกันเดินทางไปตรวจสอบ พบผู้ถูกจับยืนอยู่บริเวณสนามบินกระบี่ จึงได้เข้าแสดงตัวและจับกุมผู้ต้องหา ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ขุนทะเล จว.สุราษฎร์ธานี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป จากการตรวจสอบประวัติการเดินทางพบว่าในช่วงปี 2568 ผู้ต้องหารายนี้มีประวัติเดินทางเข้าออกประเทศกัมพูชารวมกว่า 10 ครั้ง น่าเชื่อว่ามีการข้ามไปทำงานกับเครือข่ายแก๊งสแกมเมอร์
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การภาคเสธ โดยรับว่าตนเป็นเพียงผู้รับเปิดบัญชี โดยได้รับค่าตอบแทนเพียง 1,500 บาท
เรื่องประชาสัมพันธ์ ผู้ที่เปิดบัญชีให้ผู้อื่น อาจถือเป็นตัวการร่วมในการกระทำความผิด และต้องรับโทษตามกฎหมายสำหรับความผิดนั้นๆ ด้วย