
จากกรณีที่มีการโพสต์ข้อความผ่านโซเซียลมีเดียและนำเสนอข่าวมีนายหน้าหาบุคคลไร้บ้าน (คนเร่ร่อน) ที่อยู่บริเวณสนามหลวงและพื้นที่โดยรอบ ว่าจ้างให้บุคคลไร้บ้านเปิดบัญชีม้า ราคา 500-5,000 บาท ธนาคารในพื้นที่ทำการตรวจสอบหากมีบุคคลลักษณะดังกล่าวมาเปิดบัญชีพนักงานธนาคารจะสอบถามมากเป็นพิเศษ แต่ไม่มีหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบเรื่องนี้ตามมาตรวจสอบกรณีดังกล่าวนั้น
กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) โดย พลตำรวจโท สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ได้สั่งการให้กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 (บก.น.1) และกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 (บก.น.6) ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ สถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม สถานีตำรวจนครบาลพระราชวัง สถานีตำรวจนครบาลสำราญราษฎร์ รวมถึงสถานีตำรวจนครบาลในพื้นที่ใกล้เคียง ให้รีบดำเนินการตรวจสอบกรณีบุคคลมีพฤติการณ์เข้าข่ายลักษณะคล้ายนายหน้าเป็นธุระจัดหาบุคคลไร้บ้านและว่าจ้างให้ใช้ข้อมูลเปิดบัญชีม้าแล้วนำไปใช้กระทำผิดกฎหมาย
จากการตรวจสอบข้อมูลบุคคลไร้บ้าน จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่า ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีบุคคลไร้บ้าน จำนวนประมาณ 1,200 คน โดยเฉพาะพื้นที่เขตพระนคร ที่ผ่านมา สถานีตำรวจนครบาลพื้นที่ ได้มีการจับกุมบุคคลตามหมายจับ (คดีบัญชีม้า) ซึ่งมีลักษณะเป็นบุคคลไร้บ้านอยู่บ้าง และได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนขยายผลไปถึงผู้ชักชวนหรือจัดให้มีการซื้อขายบัญชีทุกราย
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการป้องกันการว่าจ้างบุคคลไร้บ้านเปิดบัญชีและนำไปใช้ในการกระทำความผิด ได้สั่งการให้สถานีตำรวจนครบาลพื้นที่รับผิดชอบ จัดทำข้อมูลบุคคลไร้บ้านในพื้นที่โดยละเอียด ประชาสัมพันธ์ให้บุคคลไร้บ้านทราบถึงความผิดและอัตราโทษของการเปิดบัญชีม้า รวมถึงขอความร่วมมือไปยังธนาคารที่มีที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงพื้นที่ ให้ช่วยเฝ้าระวังและตรวจสอบผู้มาขอเปิดบัญชีในลักษณะต้องสงสัย
สำหรับผู้เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ บัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์ ไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดอาญาอื่น เป็นความผิดตามพระราชกำหนด มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 มาตรา 9 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนผู้เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใด ๆ ให้มีการซื้อขาย ให้เช่า หรือให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือให้มีการซื้อหรือขายเลขหมายโทรศัพท์ เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดอาญาอื่น เป็นความผิดตามพระราชกำหนด มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 มาตรา 10 หรือ 11 มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 2-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 200,000-500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ หากพบว่ามีข้าราชการตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาลรายใด เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในกรณีดังกล่าว จะดำเนินการทั้งทางวินัยและคดีอาญาโดยเคร่งครัด