ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบสาวบัญชีม้า เอี่ยวแก๊งโรแมนซ์สแกมต่างชาติ ลวงเหยื่อโอนเงินค่าภาษีศุลกากร สูญกว่าแสนบาท

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์, พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร, พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล รอง ผบก.ปอศ. ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.3 บก.ปอศ., ว่าที่ พ.ต.อ.ภาสกร นภาโชติ ผกก.1 บก.ปทส.ปรกฯ บก.ปอศ., พ.ต.ท.ณธัชพงษ์ สินสิริยานนท์, พ.ต.ท.ชวลิต น้ำใจสัตย์, พ.ต.ท.สุรโชค กังวานวาณิชย์ รอง ผกก.3 บก.ปอศ., พ.ต.ท.ธรรมศักดิ์ พลเดช รอง ผกก.7 บก.ทล. ปรกฯ บก.ปอศ.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.รัฐชิน เจริญรัมย์ สว.กก.3 บก.ปอศ., ด.ต.วิทวัส เพ็งแก้ว, จ.ส.ต.วราวุฒิ คงเพชร, จ.ส.ต.ปภาวิน เทพจันทร์ ผบ.หมู่.กก.3 บก.ปอศ.
ร่วมกันจับกุม น.ส.ประภัสสรฯ อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดแพร่ ที่ จ.377/2566 ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 ความผิดฐาน “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง” จับกุมบริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่ง แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
พฤติการณ์ ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กก.3 บก.ปอศ. เดินหน้ากวาดล้างอาชญากรรมออนไลน์ตามนโยบายของผู้บังคับบัญชาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเร่งรัดสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับค้างเก่า โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอศ. ได้ทำการจับกุม น.ส.ประภัสสรฯ อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดแพร่ ที่ จ.377/2566 ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จฯ” เป็นผู้ต้องหาในเครือข่าย “บัญชีม้า” ในคดีโรแมนซ์สแกมที่หลบหนีหมายจับมานานเกือบ 2 ปี
คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2566 ได้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองแพร่ ว่าถูกมิจฉาชีพชาวต่างชาติได้สร้างโปรไฟล์ปลอมรูปภาพดูดี เข้ามาทำความรู้จักผ่านช่องทางออนไลน์ โดยเข้ามาตีสนิทผู้เสียหายในลักษณะเชิงชู้สาว (Romance Scam) เมื่อพูดคุยจนตีสนิทและทำให้ผู้เสียหายไว้วางใจแล้ว มิจฉาชีพได้ออกอุบายว่าได้ส่งของขวัญมีค่ามาให้จากต่างประเทศ แต่พัสดุดังกล่าวติดอยู่ที่กรมศุลกากร และขอให้ผู้เสียหายช่วยโอนเงินเพื่อชำระค่าภาษีนำเข้าก่อน จำนวนกว่า 100,000 บาท โดยอ้างว่าเมื่อได้รับของแล้วจะรีบโอนเงินคืนให้ทันที ต่อมาผู้เสียหายได้โอนเงินไปยังบัญชีธนาคารของ น.ส.ประภัสสรฯ เพื่อเป็นค่าภาษี แต่หลังจากโอนเงินเรียบร้อยแล้ว กลับไม่สามารถติดต่อมิจฉาชีพชาวต่างชาติคนดังกล่าวได้อีกเลย
จึงเชื่อว่าตนถูกหลอกลวง และได้เข้าแจ้งความดำเนินคดี จนกระทั่งศาลได้อนุมัติหมายจับ น.ส.ประภัสสรฯ ในฐานะเจ้าของบัญชีที่ใช้ในการรับเงินมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ชุดปฏิบัติการที่ 2 กก.3 บก.ปอศ. ได้นำกำลังลงพื้นที่เพื่อพิสูจน์ทราบและเฝ้าสังเกตการณ์ผู้ต้องหา
ตามหมายจับ จนกระทั่ง พบบุคคลลักษณะรูปพรรณตรงตามหมายจับ ยืนอยู่บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่ง ภายในชุมชนดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าแสดงตนพร้อมบัตรข้าราชการตำรวจ และขอตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งยืนยันว่าเป็น น.ส.ประภัสสรฯ ตัวจริง เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงหมายจับให้ดู น.ส.ประภัสสรฯ เมื่อเห็นหมายจับก็ยอมรับว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับในหมายจริงและยังไม่เคยถูกจับกุมในคดีดังกล่าวมาก่อน
จากการสอบสวนเบื้องต้น น.ส.ประภัสสรฯ อ้างว่า มีคนรู้จักมาหลอกให้ตนใช้โทรศัพท์มือถือ “สแกนใบหน้า” ผ่านแอปพลิเคชันของธนาคารเพื่อเปิดบัญชีออนไลน์ และให้ตนกรอกข้อมูลส่วนตัว เมื่อเปิดบัญชีออนไลน์สำเร็จเรียบร้อยแล้ว บัญชีดังกล่าวก็ถูกคนรู้จักนำไปใช้ โดยที่ตนไม่เคยได้รับสมุดบัญชีหรือบัตรเอทีเอ็ม และไม่เคยทราบความเคลื่อนไหวของเงินในบัญชีเลย จึงเชื่อว่าตนตกเป็นเหยื่อถูกหลอกให้ใช้ใบหน้าและข้อมูลส่วนตัวในการเปิดบัญชีม้า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามกฎหมาย และควบคุมตัว น.ส.ประภัสสรฯ นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองแพร่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะขยายผลเพื่อติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เตือนภัย การรับจ้างเปิดบัญชี หรือยอมให้ผู้อื่นใช้ชื่อท่าน “สแกนใบหน้า” เพื่อเปิดบัญชีธนาคาร ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายและอันตราย ท่านจะต้องรับผิดชอบในฐานะเจ้าของบัญชีและจะตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาทันที ซึ่งมีโทษสูงสุดตามกฎหมายคือ จำคุก 3 ปี ปรับ 300,000 บาท หากพบเบาะแส แจ้งสายด่วน 1441 หรือ 1195