ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล., พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม, พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป. ปฏิบัติราชกาา บก.ทล., พ.ต.อ.ภคพล สุชล ผกก.2 บก.ทล., พ.ต.ท.อุดมศักดิ์ สุวรรณแสง, พ.ต.ท.ณรงค์ฤทธิ์ งามแฉ่ง รอง ผกก.2 บก.ทล.

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.กล้า สมบัติพิบูลย์ สว.ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล., ร.ต.อ.ชรัณ ปาณะศรี, ร.ต.อ.ปัญญาวุฒิ ทองคำ รอง สว.ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล., ร.ต.อ.จาฤก วิพลชัย, ร.ต.ท.สมบัติ ปัตเมฆ,ร.ต.ต.กุญชร บุญชัด รอง สว.(ป.)ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล., ด.ต.กิตติชัย ช่วยเกิด, ด.ต.สมหวัง ส่องแสง, ด.ต.วงศ์วริศ ทรัพย์คนาสกุล, ด.ต.หญิง มณีรัตน์ จันทร์ประนต, จ.ส.ต.อมรเทพ อินนิมิตร, จ.ส.ต.มาตุภูมิ รัตนคช ผบ.หมู่ ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล.
ร่วมกันจับกุมตัว นายนครินทร์ฯ อายุ 39 ปี
ในความผิดฐาน
- ปลอมแปลงเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม
- ใช้รถที่ไม่ชำระภาษีประจำปี (มาตรา6) พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522
พร้อมยึดของกลาง
- รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ NISSAN สีขาว
- แผ่นป้ายภาษีประจำปี (เอกสารราชการปลอม) จำนวน 1 แผ่น
สถานที่จับกุม บริเวณเหตุเกิด ทล.41 (เอเชีย) กม.24 ต.ครน อ.สวี จ.ชุมพร
พฤติการณ์ เมื่อ วันที่ 16 ก.ย 68 เวลา 11.00 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงชุมพร กำลังตั้งด่านกวดขันวินัยจราจรและป้องกันอาชญากรรม อยู่บนถนนสายเอเชีย (ทล.41) กม.22 ขาเข้ากรุงเทพ ต.วิสัยใต้ อ.สวี จ.ชุมพร ได้พบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ NISSAN สีขาวคันหนึ่ง เข้ามายังจุดตรวจ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสังเกตุเห็นความผิดปกติของแผ่นป้ายภาษีประจำปี ที่ติดอยู่บริเวณกระจกหน้ารถ เนื่องจากมีร่องรอยถูกขูดลบ และใช้ปากกาแก้ไขตัวเลขจากปี 2567 ให้กลายเป็น 2568
เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงจึงตรวจสอบข้อมูลผ่านระบบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (CRIMES) พบว่ารถคันดังกล่าวขาดต่อภาษีตั้งแต่ 5 ก.ย. 2567 เมื่อสอบถาม นายนครินทร์ฯ ผู้ขับขี่ ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าไม่ได้ต่อภาษีจริง
ส่วนสาเหตุที่นำป้ายภาษีเดิมมาขูดลบแก้ไขตัวเลขปีใหม่ เนื่องจากกลัวจะถูกตำรวจเรียกตรวจและกลัวจะถูกออกใบสั่ง จึงตัดสินใจปลอมแผ่นป้ายภาษีดังกล่าว หวังตบตาเจ้าหน้าที่
ต่อมา เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาว่า “ปลอมแปลงเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม” ซึ่งมีอัตราโทษจำคุก ตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี ปรับตั้งแต่ 10,000-100,000 บาท ผู้ต้องหายอมรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และให้การเพิ่มเติมว่า “ตนเองคิดน้อยเอง ตอนแรกคิดแค่ว่าไม่อยากถูกตำรวจออกใบสั่ง แต่ไม่คิดว่าการกระทำในลักษณะนี้กลับทำให้ตนต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาปลอมเอกสาราชการ ซึ่งมีโทษหนักถึงขั้นติดคุก” จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้อ่านสิทธิผู้ต้องหาและมอบสำเนาบันทึกการจับกุมให้ครบถ้วน ก่อนคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.สวี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป