ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ร่วมกับ ป.ป.ท. และ ป.ป.ช. จับกุมเจ้าหน้าที่รัฐ พร้อม จอนนี่-ภรรยา ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริต ปมรีสอร์ท

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) และกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก , พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส. ,พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. , พ.ต.อ.ธณัชชนม์ เก่งกสิกิจ ผกก.3 บก.ปทส. ,พ.ต.อ.วิศิษฐ์ พลบม่วง ผกก.3 บก.ปปป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกับ สำนักงาน ป.ป.ช. ภายใต้การอำนวยการของ นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.,นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ และเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ท. ภายใต้การอำนวยการของ นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการฯ รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่ร่วมกันสืบสวนจับกุมผู้ต้องหา
1. นายมิตรชัยฯ อายุ 54 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ที่ 14/2568 ลงวันที่ 13 สิงหาคม 2568
2. นายศุภชัยฯ อายุ 50 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค ภาค 3 ที่ 15/2568 ลงวันที่ 13 สิงหาคม 2568
3. นายสมานฯ อายุ 71 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ที่ 16/2568 ลงวันที่ 13 สิงหาคม 2568
4.นายยุทธพลฯ อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ที่ 17/2568 ลงวันที่ 13 สิงหาคม 2568
5.นางสาวจิราพรฯ อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ที่ 18/2568 ลงวันที่ 13 สิงหาคม 2568
ผู้ต้องหาที่ 1-3 ถูกกล่าวหาว่า “เป็นเจ้าพนักงาน ร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารรับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร ร่วมกันรับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้น หรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ รับรองเป็นหลักฐานว่าได้มีการแจ้งซึ่งข้อความอันมิได้มีการแจ้ง ละเว้นไม่จดข้อความซึ่งตนมีหน้าที่ต้องรับจด หรือ จดเปลี่ยนแปลงข้อความเช่นว่านั้น หรือ รับรองเป็นหลักฐาน ซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จและเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ร่วมกันปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่ง หรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่ง หรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือร่วมกันปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต”
ผู้ต้องหาที่ 4 และ 5 ถูกกล่าวหาว่า “เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นผู้สนับสนุน เจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารรับเอกสาร หรือกรอกข้อความลงในเอกสาร รับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้น หรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ รับรองเป็นหลักฐานว่าได้มีการแจ้งซึ่งข้อความอันมิได้มีการแจ้ง ละเว้นไม่จดข้อความ ซึ่งตนมีหน้าที่ต้องรับจด หรือ จดเปลี่ยนแปลงข้อความเช่นว่านั้น หรือ รับรองเป็นหลักฐาน ซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ และเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐ ปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่ง หรือหน้าที่ หรือใช้อํานาจในตําแหน่ง หรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” จับกุมและแจ้งข้อกล่าวหา อบต.คำเขื่อนแก้ว อ.สิรินธร จว.อุบลราชธานี
พฤติการณ์ สืบเนื่องจาก ก่อนเกิดเหตุ กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ได้รับการร้องเรียนให้ตรวจสอบการกระทำของ นายยุทธพล ฯ หรือ “จอนนี่” ว่ามีการบุกรุกพื้นที่ซึ่งถูกกันไว้เป็นป่าส่วนกลาง เพื่อนำไปประกอบกิจการรีสอร์ท และมีความเชื่อมโยงกับธุรกิจสีเทา
ต่อมา นายอำเภอสิรินธร ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เพื่อดำเนินคดีกับ นายมิตรชัย ฯ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร และพวก รวม 5 คน ที่ได้ร่วมกันกระทำความผิด โดยแบ่งหน้าที่กันทำเพื่อให้ได้เลขที่บ้าน และนำไปใช้ขอการใช้ไฟฟ้า ประปา และจดทะเบียนพาณิชย์ เพื่อประกอบกิจการ “รีสอร์ทจอนนี่มือปราบ” ทั้งนี้ ได้มีการร่วมกันรับรองเอกสารอันเป็นเท็จและยื่นต่อนายทะเบียนอำเภอสิรินธร เพื่อขอเลขที่บ้านใหม่
จากการตรวจสอบพบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายยุทธพลฯ และ น.ส.จิราพร ฯ (ภรรยา) ได้ซื้อที่ดินในพื้นที่ป่าส่วนกลางของนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย โดยมีนายมิตรชัยฯ ผู้ใหญ่บ้าน ลงนามเป็นพยานการซื้อขาย ต่อมา น.ส.จิราพรฯ ได้ยื่นขอใบรับรองสิ่งปลูกสร้างจากนายมิตรชัยฯ ซึ่งได้ลงนามรับรองว่า น.ส.จิราพรฯ และนายยุทธพลฯ ได้ปลูกบ้านใหม่ในที่ดินว่างเปล่า ไม่มีเอกสารสิทธิ และไม่ได้อยู่ในเขตป่าสงวน อุทยานแห่งชาติ หรือพื้นที่ของรัฐ
นอกจากนี้ นายศุภชัยฯ ผู้อำนวยการกองช่าง อบต.คำเขื่อนแก้ว ได้มีการรับรองการก่อสร้างในพื้นที่ดังกล่าว แม้ตามกฎหมาย อบต.คำเขื่อนแก้ว ไม่มีอำนาจออกหนังสือรับรอง แต่กลับเสนอความเห็นต่อ นายสมาน ฯ นายก อบต.คำเขื่อนแก้ว ว่าเห็นควรออกหนังสือรับรองว่ามีสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งนายสมานฯ ในฐานะนายทะเบียน มีหน้าที่ตรวจสอบและทราบข้อกฎหมาย แต่ยังได้ทำการรับรอง อันถือเป็นการรับรองเอกสารเท็จ
ต่อมา น.ส.จิราพรฯ ได้มอบหมายให้ นายยุทธพลฯ นำเอกสารที่ได้จากการรับรองอันเป็นเท็จของ อบต.คำเขื่อนแก้ว ไปขอเลขที่บ้านจากนายทะเบียนอำเภอสิรินธร การกระทำทั้งหมดจึงแสดงให้เห็นถึงการร่วมกันกระทำความผิดอย่างเป็นระบบ ซึ่งทุกขั้นตอนต้องดำเนินไปครบถ้วนจึงจะนำไปสู่เป้าหมายสูงสุด คือ การเปิดกิจการรีสอร์ทโดยมิชอบ อันเป็นการละเมิดต่อทรัพยากรธรรมชาติ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ และสร้างประโยชน์โดยผิดกฎหมายและได้ประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ผู้กล่าวหาจึงมาร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง
พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปปป. จึงรวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ออกหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 5 ราย กระทั่งวันนี้ (14 ส.ค.68) บก.ปปป. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช., ป.ป.ท. วางแผนเข้าจับกุมผู้ต้องหา ในเขตพื้นที่ จ.อุบลราชธานี และนำมาดำเนินคดี ตามกฎหมายต่อไป
สอบถามปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา