ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบสาวรับจ้างเปิดบัญชีม้าหลอกลงทุน ปั๊มยอดวิวหนัง แลกผลตอบแทน เหยื่อสูญเงินกว่า 3 แสน

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิด เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.นฤพนธ์ กรุณา ผกก.2 บก.ปอศ. และ พ.ต.ท.วันเผด็จ จันยะรมณ์, ว่าที่ พ.ต.ต.ปฏิภาณ เป็นสุข สว.กก.2 บก.ปอศ.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ร.ต.อ.อภินันท์ พจน์มนต์ปิติ รอง สว.กก.2 บก.ปอศ., ด.ต.วรวุฒิ ลักขณา และ จ.ส.ต.ชัยวัฒน์ มหาโพธิ์ ผบ.หมู่ กก.2 บก.ปอศ.
ร่วมกันจับกุม น.ส.ธันยธรณ์ฯ อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดลำปาง ที่ จ.434/2567 ลงวันที่ 18 ธันวาคม 2567
เพื่อดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยทุจริต หลอกหลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความ อันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งและโดยหลอกหลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สิน จากผู้ถูกหลอกลวงและโดยการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งและเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินฝากของตน โดยไม่ได้ไม่ได้เจตนาให้ใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง” จับกุม บริเวณหน้าบ้านบริเวณ ซ.พหลโยธิน 54/1 แยก 4-32 แขวงสายไหม เขตสายไหม จังหวัดกรุงเทพมหานคร
พฤติการณ์ เมื่อประมาณเดือน เม.ย.2566 ผู้เสียหายพบเห็นช่องทางการทำงานออนไลน์ เป็นการโหวตคะแนนเกี่ยวกับภาพยนต์โดยการเข้าไปชมเพื่อเพิ่มยอดผู้ชม (ยอดวิว) โดยรายละเอียดคือ ต้องทำการโอนเงินเข้าไปเพื่อแลกคะแนนในการโหวตของภาพยนต์แต่ละเรื่อง ซี่งจะได้รับผลตอบแทน 20% ของคะแนนโหวต ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงทำการโอนเงินเพื่อแลกเป็นคะแนนสำหรับการโหวต เมื่อเวลาผ่านไป กลับไม่ได้ผลตอบแทนตามที่กล่าวอ้าง จึงเชื่อว่าตนถูกหลอกลวง ซี่งมีมูลค่าเสียหายรวมกว่า 3 แสนบาท โดยตนทำการโอนเงินไปบัญชีธนาคารหลากหลายบัญชี ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นบัญชีของผู้ต้องหาในคดีนี้ และต่อมาได้นำหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า น.ส.ธันยธรณ์ฯ (ผู้ต้องหา) ปรากฏตัวในบริเวณสถานที่จับกุม เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจับกุมจึงได้เดินทางไปเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณดังกล่าว เมื่อผู้ต้องหาปรากฏตัว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เข้าแสดงตัวขอตรวจสอบดูและพบว่าเป็นผู้ต้องหา ตามหมายจับจริง จึงดำเนินการจับกุม และนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองลำปาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า เมื่อประมาณปี 2566 ตนเองพบเห็นว่ามีประกาศรับรายได้พิเศษ ภายในเพจ Facebook (จำชื่อไม่ได้) ตนจึงสนใจและติดต่อไป เพจดังกล่าวได้ให้ตนเปิดบัญชีธนาคารออนไลน์ เมื่อได้รับรหัส OTP มายังโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหา ก็ได้แจ้งรหัส OTP ไปยังเพจดังกล่าว ก่อนเปลี่ยนเบอร์ในระบบ หลังจากนั้นบัญชีธนาคารของตนก็ถูกนำไปใช้โดยผู้อื่นซึ่งผู้ต้องหาอ้างว่าไม่รู้ว่าเป็นผู้ใด และตนได้รับค่าจ้างเป็นจำนวน 400 บาท จนมาทราบภายหลังว่าตนเองมีหมายจับดังกล่าวข้างต้น
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ทำการตรวจสอบเพิ่มเติม พบว่า ชื่อบัญชีของผู้ต้องหา ขึ้นการแจ้งเตือนจากเว็ปไซต์ที่รวบรวมการฉ้อโกงของบัญชีธนาคาร โดยมีรายละเอียดว่าว่าชื่อของผู้ต้องหา เคยหลอกลวงประชาชนโดยทั่วไป เช่นหลอกลวงขายนมโรงเรียนให้กับมารดาที่มีลูกเล็ก ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าว มีความผิดตามกฎหมาย และส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชนโดยทั่วไป
กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ได้ดำเนินการตามมาตรการเชิงรุก ป้องกันปราบปรามและจับกุมผู้กระทำความผิดและฝากเตือนถึงประชาชน ห้ามขาย หรือ ให้บัตรประชาชนแก่ผู้อื่นโดยไม่ทราบวัตถุประสงค์ มิเช่นนั้นจะตกเป็นผู้ต้องหาโดยไม่รู้ตัว
ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ว่าที่ พ.ต.ต.ปฏิภาณ เป็นสุข สว.กก.2 บก.ปอศ. เบอร์โทรศัพท์ 083-824-9998
“การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชน ให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้าง ทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ดังนั้น สำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น”