แถลงรวบ 5 โจรปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลางกรมศุลกากร ชน รปภ. ท่าเรือ เสียชีวิต

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร, พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร.,พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. และ พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.บช.น., เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.5, เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ท่าเรือ ร่วมกันสืบสวนติดตามตัวคนร้ายก่อเหตุปล้นทรัพย์และขับรถชนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเสียชีวิต
วันนี้ (3 มิถุนายน 2568) เวลา 09.30 น. พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. โดยมี พล.ต.ต.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น., พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.๕ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.บช.น., เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.5และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายสืบสวน สน.ท่าเรือ ร่วมประชุมติดตามความคืบ ผู้ต้องหา 6 ราย ก่อเหตุร่วมกันปล้นทรัพย์บุหรี่ไฟฟ้า และขับรถชนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขณะเข้าสกัดเหตุ จนเสียชีวิต ณ ห้องประชุม ศปก.สน.ท่าเรือ
พล.ต.อ.ประจวบ ฯ กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์ุเพ็ชร์ ผบ.ตร. ให้มาช่วยกำกับดูแลติดตามความคืบหน้าของคดี กรณีเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2568 เวลาประมาณ 01.20 น. ที่ผ่านมา มีกลุ่มคนร้ายจำนวนประมาณ 6 คน ขับรถตู้ เข้ามาบริเวณโกดังสเตเดียม ถนนท่าเรือ 1 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร และลงมืองัดตู้คอนเทนเนอร์ภายในโกดัง เพื่อทำการลักทรัพย์ (บุหรี่ไฟฟ้า) โดยมีนายบุญนาค สวัสสุข เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของการท่าเรือ เป็นผู้พบเห็นเหตุการณ์ และพยายามเข้าระงับเหตุ ขณะนั้นกลุ่มคนร้ายได้พากันขึ้นรถตู้พยายามหลบหนีจากจุดเกิดเหตุ และได้ขับรถถอยพุ่งชนรถจักรยานยนต์ ของนายบุญนาคฯ ขณะที่นายบุญนาคฯ กำลังขับขี่ไล่ติดตามกลุ่มคนร้าย ทำให้นายบุญนาคฯ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ นอกจากนี้คนร้ายยังได้ขับรถเฉี่ยวขนรถกระบะของประชาชนที่ขับขี่ผ่านมาในบริเวณที่เกิดเหตุ ส่งผลให้รถกระบะได้รับความเสียหายไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.บชน., เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.5 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายสืบสวน สน.ท่าเรือ ได้ร่วมกันบูรณาการกำลังสืบสวนติดตามคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุในคดีนี่และได้จับกุมนายดิศรณ์หรือเจ(สงวนนามสกุล)อายุ 41 ปี ได้พร้อมของกลางบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 493 ชิ้น ซึ่งซุกซ่อนอยู่ในบ้านของนายเจ จึงได้แจ้งข้อหาว่า
“รับของโจร” และได้สืบสวนขยายผลจนทราบว่ามีผู้ก่อเหตุอีก จำนวน 5 คน และได้ขอออนุมัติหมายจับต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ประกอบด้วย
1. นายสิทธิศักดิ์หรือแบงค์(สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี ( ขับรถ/หลบหนี)
2. นายนรินทร์หรือเบิร์ด(สงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี (จับกุม เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.68)
3. นายธนทร หรือจี (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี (จับกุม เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.68)
4. นายภัยกร หรือคิง(สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี (จับกุม เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.68)
5. นายเอกชัย หรือเอกบอด(สงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี (จับกุม เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.68)
๖. นายสุวัฒน์ หรือเล็ก (สงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี (จับกุม เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.68)
ข้อหา “ร่วมกันปสั้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พื้นการจับกุม, ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งก็ดกั้นสำหรับคุ้บคุ้มครองทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใด ๆ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม, ร่วมกันบุกรุกในเวลากลางคืน โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และช่องโจร” (ผู้ต้องหาที่ 1-6) และ ข้อหา “ฆ่าผู้อื่นเพื่อเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิลความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้” (ผู้ต้องหาที่ 1) ทรัพย์สินที่ถูกโจรกรรม บุหรี่ไฟฟ้าจำนวน 493 ชิ้น รวมมูลค่าประมาณ ๖๕,๘๒๐ บาท ซึ่งเป็นทรัพย์สินของกรมศุลกากร เป็นของกลางในคดีที่นำมาเก็บรักษาไว้
ของกลางที่ใช้ในการก่อเหตุ
1. รถตู้ (ของผู้ต้องหาที่ 1 นายแบงค์)
2. ครีมตัดเหล็ก จำนวน 1 อัน
3. ไฟส่องสว่าง แบบติดหัว จำนวน1 อัน
สถานที่เกิดเหตุ โกดังสเตเตียม ถนนท่าเรือ 1 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพื้นที่ของการท่าเรือโดยกรมศุลกากรได้มาเช่าพื้นที่ดังกล่าว เพื่อเก็บรักษาของกลางในคดี ทั้งนี้ ในการสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป เนื่องจากคดีนี้เป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อความมันคงในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อีกทั้งเป็นคดีที่สังคมให้ความน่าสนใจอย่างมาก จึงได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน เร่งร่งรัดติดตามตัวคนร้ายอีกรายมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยในพื้นที่และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน