ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จับกุม 2 ผู้ต้องหาร่วมกันฆ่าน้องแฟน ปมยืมรถจักรยานยนต์ไปใช้แล้วไม่คืน หลังมีปากเสียงกัน แล้วผู้ต้องหายิงผู้ตายเสียชีวิต ก่อนนำไปฝังดิน

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย, พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป., พ.ต.ท.สมเดช สาระบรรณ์, พ.ต.ท.อภิชน ขันกา, พ.ต.ท.พชรเดช บุญฤทธิ์, พ.ต.ท.กฤษฎา พลายละหาร และพ.ต.ท.รัฐวิรุฬห์ จันทสุบรรณ รอง ผกก.1 บก.ป.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย โดย พ.ต.ต.มณเฑียร ธงเทียน สว.กก.1 บก.ป., ร.ต.อ.จักรพันธ์ ใบพิมาย รอง สว.กก.1 บก.ป., ร.ต.อ.ณัฐวัฒน์ จำปาสาร, ร.ต.ท.วิมล ฤทธิยา, ร.ต.ต.ธีรภัทร คงตะแบก รอง สว.(ป.) กก.1 บก.ป. พร้มเจ้าหน้าที่ กก.1 บก.ป.
ร่วมกันจับกุม
1.นายณัฐวุฒิฯ อายุ 36 ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนครราชสีมา ที่ 104/2568 ลงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “พยายามฆ่าผู้อื่น, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย, พาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย หรือโดยไม่มีเหตุอันควร, ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือชุมชน”
2.นายพนิตพิชาฯ อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลแขวงนครราชสีมา ที่ จ.26/2568 ลงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย”
ของกลาง จากนายณัฐวุฒิ มีมั่ง จำนวน 3 รายการ ดังนี้
1.โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ วีโว่
2.รถยนต์ ยี่ห้อ มาสด้า รุ่น มาสด้า2 พร้อมกุญแจรถ
3.ป้ายทะเบียนรถยนต์
สถานที่จับกุม บริเวณหน้าบ้าน หมู่ 9 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 นายณัฐวุฒิฯ ได้มีปากเสียงกับนายจักรินทร์ฯ (ผู้ตาย) เกี่ยวกับเรื่องที่ นายจักรินทร์ฯ ยืมรถจักรยานยนต์ของนายณัฐวุฒิฯ ไปใช้แล้วไม่ยอมคืน และมีปากเสียงกัน ก่อนจะมีการชักอาวุธปืนออกมาและมีเสียงปืนดังขึ้น ซึ่งต่อมามีผู้เห็นเหตุการณ์ว่า หลังจากเสียงปืนดังขึ้น 1 นัดแล้วเห็น นายจักรินทร์ฯ นอนอยู่ที่พื้น ต่อมานายณัฐวุฒิฯ ได้เดินออกมาจากบ้านที่เกิดเหตุ เพื่อขับรถยนต์ของ นายพนิตพิชาฯ นำร่างของนายจักรินทร์ฯ ขึ้นรถไป และไม่มีผู้ใดสามารถติดต่อได้นายจักรินทร์ฯ ได้อีกเลย
ต่อมา ญาติของนายจักรินทร์ฯ ทราบว่านายจักรินทร์ฯ ก่อนที่จะติดต่อไม่ได้นั้น ได้เดินทาง มาพบ นายณัฐวุฒิฯ และ นายพนิตพิชาฯ สาวประเภท 2 จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ จนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับสาเหตุที่นายจักรินทร์ฯ หายตัวไป และพยานหลักฐานในเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้อง และพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชศรีมา ได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป. ชุดจับกุม ได้ร่วมกันสืบสวนหาข่าวเกี่ยวกับผู้ต้องหาตามหมายจับทั้ง 2 คน จนกระทั่งพบว่า นายณัฐวุฒิฯ และ นายพนิตพิชาฯ โดยทั้ง 2 ได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่บ้านหลังหนึ่งหมู่ 9 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่จึงได้ประชุมวางแผนเพื่อเข้าทำการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมพร้อมกำลังจึงได้เดินทางไปยังบ้านหลังดังกล่าว พบบุคคลที่มีลักษณะตำหนิรูปพรรณตรงกับผู้ต้องหาตามหมายจับทั้ง 2 รายข้างต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงตัว เข้าทำการจับกุม ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย และผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ได้อ่านดูหมายจับแล้วยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับนี้จริงและไม่เคยถูกจับกุมตามหมายจับนี้มาก่อน จึงได้แจ้งสิทธิและข้อหาตามหมายจับให้ผู้ต้องหาทราบ จากนั้นตรวจยึดของกลางที่ผู้ต้องหาใช้ในการก่อเหตุ และนำตัวผู้ต้องหามาทำบันทึกการจับกุมที่ สภ.คูคต จว.ปทุมธานี ก่อนนำตัวพร้อมของกลาง ส่ง พงส.สภ.เมืองนครราชสีมา เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น นายณัฐวุฒิฯ ให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ต้องหาได้มีปากเสียงกับ นายจักรินทร์ฯ ซึ่งเป็นคู่กรณี ขณะนั้นตนและ นายจักรินทร์ฯ ต่างคนต่างมีอาวุธปืน โดยทั้ง 2 ได้มีการแย่งปืนกัน จนตนได้อาวุธปืนของนายจักรินทร์ฯ มาอยู่ในมือ และได้เหนี่ยวไกไปที่นายจักรินทร์ฯ เข้ากลางหน้าอก จำนวน 1 นัด ได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงได้ขับขี่รถยนต์ ซึ่งเป็นรถของนายพนิตพิชาฯ มาที่เกิดเหตุ และนำตัวนายจักรินทร์ ขึ้นรถคันดังกล่าวไป ตนตั้งใจจะนำตัวนายจักรินทร์ฯ ไปส่งที่โรงพยาบาล แต่ต่อมาพบว่านายจักรินทร์ฯ ได้เสียชีวิตลงภายในรถ จึงได้นำร่างของนายจักรินทร์ฯ ไปฝั่งไว้ในป่าแห่งหนึ่ง และนำปืนที่ก่อเหตุไปทิ้งไว้ในป่าบริเวณใกล้เคียงบ้าน จากนั้นตนและนายพนิตพิชาฯ ได้หลบหนีไปด้วยกัน ส่วน นายพนิตพิชาฯ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
เตือนภัย ผู้ที่กระทำผิด ถึงแม้จะหลบหนี ซ่อนตัว ปกปิดตัวตน ก็หนีไม่พ้น ตำรวจสอบสวนกลางพร้อมจะจับกุมกลับมาดำเนินคดี