
เมื่อวันที่ 19 มี.ค.68 พล.ต.ต.วรวิทย์ ญาณจินดา ผบก.สปพ., พ.ต.อ.กรกฎ โปชยะวณิช, พ.ต.อ.เด่นหล้า รัตนกิจ รอง ผบก.สปพ., สั่งการให้พ.ต.อ.วสันต์ ธวัชชัยวิรุตษ์ ผกก.สายตรวจ, พ.ต.ท.วสุเทพ ใจอินทร์, พ.ต.ท.อัษฎาวุธ ขวัญเมือง, พ.ต.ท.ศตวรรษ คนชุม, พ.ต.ท.ไพบูลย์ สอโส รอง ผกก.สายตรวจฯ พ.ต.ต.ณัฐดนัย บำรุงศรี สว.งานสายตรวจ 2 กก.สายตรวจ ร.ต.ต.ไพโรจน์ จำนงค์ รอง สว.งานสายตรวจ 2 กก.สายตรวจ นำกำลังจับกุมนายปวริศร์ (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี, น.ส.อรวรรณ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี น.ส.วรรณวิสา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี พร้อมของกลาง ยาอี 53 เม็ด , คีตามีน น้ำหนักรวมประมาณ 96.43 กรัม , หัวน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า (พอตเค) จำนวน 367 หัว Happy Water ซองสีแดง ยี่ห้อ Supreme จำนวน 4 ซอง บุหรี่ไฟฟ้าแบบสูบแล้วทิ้ง จำนวน 38 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง โดยจับกุมได้บริเวณหมู่บ้านย่านวังทองหลาง
สืบเนื่องจากพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดติดตามจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดอย่างจริงจัง จนมีการสืบสวนทราบว่ามีการลักลอบจำหน่ายหัวน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าพอต ผสมยาเสพติดเมทแอมแฟตามีน หรือพอตเค กำลังเป็นที่นิยมแพร่หลายของกลุ่มวัยรุ่น แฝงมาในรูปแบบบุหรี่ไฟฟ้า ตามสถานบันเทิงกลางคืน ในพื้นที่ กทม. และพบว่านายปวริศร์ เป็นผู้ลักลอบจำหน่ายในราคาหัวละ2,000- 3,000 บาท จึงสืบสวนกระทั่งพบวาาพักอาศัยและจัดเก็บ “พอตเค” อยู่ที่บ้านดังกล่าว และจับกุม ก่อนที่นายปวริศร์จะให้การซัดทอดว่าได้ติดต่อสั่งซื้อพอตเค มาจากน.ส.อรวรรณและ น.ส.วรรณวิสา จึงนำกำลังจับกุมได้พร้อมของกลางพอตเค ภายในคอนโดหรู ย่านรัชดาฯ
เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหามีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี, Happy Waterหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า, มีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (เคตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า, ฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ขายสินค้าที่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคสั่งห้ามขาย (บุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า) ตามคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคที่ 9/2558, ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิด ตามมาตรา 246 พรบ.ศุลกากร พ.ศ. 2560” นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป