รวบ 3 ผู้ต้องหาบัญชีม้า ตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบ 3 ผู้ต้องหาบัญชีม้า ตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์

​กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.)ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ทรงกลด เกริกกฤตยา ผบก.ปคม., พ.ต.อ.กรีธา ตันคณารัตน์, พ.ต.อ.จตุรภัทร์ ภิรมย์แก้ว, พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์, พ.ต.อ.มารุต กาญจนขันธกุล, พ.ต.อ.เศรษฐณัณข์ ปิยะสมบูรณ์, พ.ต.อ.ดวงโชติ  สุวรรณจรัส, พ.ต.อ.รัชภูมิ กุสุมาลย์ รอง ผบก.ปคม., พ.ต.อ.พงศกร โนรี ประจำ(สบ 5) บก.ปคม., พ.ต.อ.ศราวุธ จันต๊ะวงค์ ผกก.3 บก.ปคม., พ.ต.ท.พลวุฒิ ผาตินุวัติ, พ.ต.ท.ทรงวุฒิ ใจดีจริง รอง ผกก.3 บก.ปคม

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.เกียรติบดินทร์ วงค์งาม สว.กก.3 บก.ปคม, ร.ต.อ.สุวิทย์ อามาตมุลตรี, ร.ต.อ.นนทพัทธ์ กาวชู รอง สว.กก.3 บก.ปคม., พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปคม.

ได้ร่วมกันจับกุม

​1. นายราชันย์ฯ อายุ 29 ปี สถานที่จับกุม บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่งใน อ.เมืองร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด

2. นางสาวอุไรพรฯ อายุ 25 ปี สถานที่จับกุม บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่งใน อ.เมืองร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด

3. นางสาวสุรีพรฯ อายุ 32 ปี สถานที่จับกุม บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่งใน อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด

​ในความผิดฐาน “ร่วมกันกันฉ้อโกงประชาชนและโดยทุจริตโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งฯ” ผู้ต้องหาที่ 1  ตามหมายจับของศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ จ.127/2567 ลงวันที่ 15 ก.ค.67, ผู้ต้องหาที่ 2 ตามหมายจับของศาลจังหวัดนครพนมที่ จ.32/2567 ลงวันที่ 8 ก.พ.67 และผู้ต้องหาที่ 3 ตามหมายจับศาลจังหวัดอำนาจเจริญ ที่ 223/2567 ลงวันที่ 16 ต.ค. 2567

พฤติการณ์ พฤติการณ์การกระทำผิดของผู้ต้องหาที่ 1 ในเดือนสิงหาคม พ.ศ.2566 ผู้เสียหายพบโฆษณาหางานนอกเวลาเรียนบน Instagram จึงกดลิงก์ดังกล่าว พบว่าเป็นลิงก์เพิ่มเพื่อนใน Line ต่อมาผู้เสียหายได้พูดคุยกับมิจฉาชีพผ่านบัญชีผู้ใช้ Line ดังกล่าว จากนั้นมิจฉาชีพชักชวนให้ลงทุนเทรดหุ้น โดยเริ่มจากให้ทดลองลงทุน 50 บาท และได้ผลตอบแทน 70 บาทจริง ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ และลงทุนเพิ่มเป็น 40,000 บาท เมื่อต้องการถอนเงิน กลับทำไม่ได้และติดต่อมิจฉาชีพไม่ได้ ผู้เสียหายจึงได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับมิจฉาชีพต่อพนักงานสอบสวน สภ.สีชมภู จ.ขอนแก่น เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

พฤติการณ์กระทำผิดของผู้ต้องหาที่ 2 ในช่วงเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2566 ผู้เสียหายต้องการซื้อรถมอเตอร์ไซค์มือสอง จึงค้นหาใน Facebook และพบเพจของมิจฉาชีพที่เสนอขายรถในราคาถูก ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้โอนเงินจำนวน 5,000 บาทให้ แต่หลังจากนั้นมิจฉาชีพก็ปิดช่องทางการติดต่อทั้งหมด จากนั้นผู้เสียหายเชื่อว่าถูกมิจฉาชีพหลอก จึงได้เดินทางเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.นาแก จ.นครพนม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย                                                                               

พฤติการณ์กระทำผิดของผู้ต้องหาที่ 3 เมื่อประมาณเดือนเมษายน 2566 ผู้เสียหายได้ถูกผู้ต้องหาหลอกลวง โดยวิธีการส่งข้อความผ่านแอปพลิเคชัน TIKTOK แล้วใช้อุบายหลอกลวงให้ผู้เสียหายทำงาน โดยการกดไลด์กดแชร์ผลิตภัณฑ์สินค้า เพื่อจะได้ค่าตอบแทนผู้เสียหาย โดยมิจฉาชีพได้ส่งลิงก์เพจมาทางแอปพลิเคชันไลน์ LINE ของผู้เสียหาย เพื่อให้ตรวจสอบสอบดูยอดเงินค่าตอบแทนที่ได้รับ ต่อมาเมื่อผู้เสียหายเริ่มเชื่อใจมิจฉาชีพได้ออกอุบายหลอกลวงผู้เสียหายให้ร่วมลงทุน ซึ่งจะได้ผลกำไรเป็นทวีคูน ผู้เสียหายจึงได้โอนเงินไปลงทุนกับมิจฉาชีพ รวมจำนวนเงินทั้งสิ้น จำนวน 402,539 บาท หลังจากนั้นผู้เสียหายโอนเงินไปแล้ว ไม่สามารถติดต่อมิจฉาชีพไม่ได้ จึงเชื่อว่าถูกโดนหลอก จึงได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับมิจฉาชีพ ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปคม. ได้สืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ จนสามารถสืบทราบว่าผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 2 เป็นสามี ภรรยากัน อาศัยอยู่ใน จ.ร้อยเอ็ด จึงได้เดินทางไปเฝ้าสังเกตการณ์ จนพบบุคคลตำหนิรูปพรรณคล้ายผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 2 จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าจับกุมผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 2 นำตัวผู้ต้องหาที่ 1 ส่ง สภ.สีชมภู จ.ขอนแก่น และผู้ต้องหาที่ 2 ส่ง สภ.นาแก  จ.นครพนม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปคม. สืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาที่ 3 พักอาศัยที่บ้านหลังหนึ่งใน อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด จึงได้เดินทางไปเฝ้าสังเกตการณ์ จนพบบุคคลตำหนิรูปพรรณคล้ายผู้ต้องหาที่ 3 จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าจับกุมผู้ต้องหาที่ 3 นำตัวผู้ต้องหาที่ 3 ส่ง สภ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

เตือนภัย ประชาชนควรระมัดระวังการลงทุนออนไลน์ โดยตรวจสอบข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ และไม่ควรโอนเงินให้บุคคลที่รู้จักผ่านช่องทางออนไลน์ เพราะอาจจะเป็นมิจฉาชีพมาหลอกประชาชนได้