รวบหนุ่มบัญชีม้า ตุ๋นเหยื่อทำกิจกรรม อ้างได้ค่าคอมมิชชั่นเหยื่อสูญเงินนับแสน

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก, พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก., พล.ต.ต. คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป.ปรท. รอง ผบก.ทล.,พ.ต.อ.ชาคริต มงคลศรี รอง ผบก.ทล.,พ.ต.อ.ภคพล สุชล ผกก.2 บก.ทล., พ.ต.ท.นโรตม์ ยุวบูรณ์ รอง ผกก.2 บก.ทล., พ.ต.ท.กฤตย์ ธีรเวศย์สุวรรณ รอง ผกก.2 บก.ทล.

เจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล.(ชุมพร) นำโดย พ.ต.ท.พิทยา ธนาวุฒิ สว.ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล., ด.ต.สายชล ตั้งวงศ์ ผบ.หมู่ ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล.,ด.ต.พัทธนันท์ แดงกระจ่าง ผบ.หมู่ ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล.

ร่วมกันจับกุม นายพงศธรฯ อายุ 27 ปี ตามหมายจับศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา ที่ จ 139/ 2567 ลงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์และร่วมกันฉ้อโกงผู้อื่นผ่านระบบคอมพิวเตอร์ หรือนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้” สถานที่จับกุม บริเวณริมถนนทางหลวงสายเอเชีย 41 กม. 2-3 ( ขาล่องใต้ ) ต.บ้านนา อ.เมือง จ.ชุมพร

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 ม.ค.67 ขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้นำรถวิทยุ ๒๔01 ออกตรวจพื้นที่ภายในเขตรับผิดชอบตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ขณะตรวจมาถึงบริเวณ กม.2 – 3 บนถนน ทล.41 (ขาล่องใต้) ต.บ้านนาอ.เมือง จ.ชุมพร เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมพบรถยนต์กระบะบรรทุก ยี่ห้อโตโยต้า สีเทา ป้ายทะเบียน สมุทรสงคราม ขับแซงรถวิทยุ 2401 มาในช่องทางด้านขวามีลักษณะบรรทุกสิ่งของหนักแต่ขับช้าและวิ่งแช่ในช่องทางด้านขวา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ส่งสัญญาณไฟให้รถคันดังกล่าวจอดชิดไหล่ทางด้านซ้ายเพื่อที่จะว่ากล่าวตักเตือนเมื่อรถคันดังกล่าวจอดชิดไหล่ทางด้านซ้ายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินเข้าไปที่ตัวรถเพื่อขอตรวจสอบใบอนุญาตขับขี่ ทราบชื่อภายหลังจากการตรวจสอบใบอนุญาตขับขี่คือ นายพงศธรฯ อายุ 27 ปี จากนั้นเมื่อตรวจสอบข้อมูลพบว่าผู้ต้องหามีหมายจับติดตัว ตามหมายจับข้างต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ดำเนินการจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าบัญชีธนาคารของนายพงศธรฯ ได้มีผู้เสียหายมาแจ้งความจำนวนมาก โดยผู้เสียหายส่วนใหญ่ถูกหลอกให้เล่นกิจกรรมผ่านแอปพลิเคชันเฟซบุ๊ค โดยหลอกให้เติมเงินและทำงานกดไลค์ในเพจขายเครื่องใช้ไฟฟ้า จำนวน 10 กิจกรรม ซึ่งเมื่อกดไลค์ไปแล้ว ผู้เสียหายจะได้ค่าคอมมิชชั่นเพิ่มจากราคาสินค้าที่ตั้งไว้ประมาณ 20-50% แต่ภายหลังเมื่อผู้เสียหายทำกิจกรรมครบแล้วและต้องการจะถอนเงินจากแอปพลิเคชันดังกล่าวซึ่งมียอดเงินประมาณ 120,000 บาท กลับไม่สามารถถอนเงินดังกล่าวได้

จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ โดยให้การว่าตนเองได้รับการติดต่อว่าจ้างให้เปิดบัญชี โดยได้รับค่าจ้างเป็นเงินจำนวน 3,000 บาท โดยเมื่อตนเปิดบัญชีธนาคารแล้ว ตนได้นำบัญชีดังกล่าวไปฝากไว้ที่ท่าเรือข้ามฝาก อ.แม่สอด จ.ตาก จากนั้นเจ้าของเฟซบุ๊คที่ติดต่อว่าจ้างมา จึงได้โอนเงินจำนวน 3,000 บาท มาให้กับตน