
วันที่ 22 ม.ค.68 เวลา 17.30 น. ณ บริเวณชั้น 1 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ บช.สอท. (เมืองทองธานี) นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น.รรท. รอง ผบช.สอท., พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ รอง ผบก.สอท.1 รรท.ผบก.สอท.2 และ พ.ต.อ.ศุภกร ผิวอ่อน รอง ผบก.สอท.3 รรท.ผบก.สอท.5 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์จับกุมบุหรี่ไฟฟ้า ตรวจค้น 2 จุด ยึดของกลางหลายรายการ
สืบเนื่องจากรัฐบาลได้มีนโยบายให้เร่งปราบปรามการลักลอบนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการในเรื่องดังกล่าว โดย พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ บช.สอท. แต่งตั้งคณะทำงานในการดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวให้สำเร็จเป็นรูปธรรม พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. จึงมอบหมายให้
พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น. รรท.รอง ผบช.สอท. เป็นหัวหน้าคณะทำงานในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าดังกล่าว
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวนสอบสวน ตรวจสอบพบไลน์ ชื่อ “Peaceful” มีการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ชนิดต่างๆ ได้แก่ ชนิดใช้แล้วทิ้ง ชนิดเติมน้ำยา ขวดน้ำยา และ หัวพอด รวมทั้งอะไหล่ ผ่านช่องทางออนไลน์ จึงได้วางแผนทำการล่อซื้อ และทำการสืบสวนเพิ่มเติม พบ จุดพักสินค้า จึงนำไปสู่ การตรวจค้นทั้งหมด 2 จุด และจับกุมผู้กระทำความผิด ดังนี้
จุดที่ 1 ตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ตามหมายค้นศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 35/2567 ลงวันที่ 21 มกราคม 2568 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.2 ไม่พบผู้ครอบครองบ้านหลังดังกล่าว จึงให้นิติบุคคลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของหมู่บ้านที่ทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบของกลาง ได้แก่
– ตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้า และอุปกรณ์ส่วนควบ จำนวน 100 ชิ้น
– คอมพิวเตอร์ Laptop จำนวน 1 เครื่อง
จุดที่ 2 ตรวจค้นบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 1 ถ.เลียบคอลง 7 ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ตามหมายค้นศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 36/2568 ลงวันที่ 21 มกราคม 2568 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.2 สามารถจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย คือ นายประดิษฐ์ อายุ 43 ปี และ น.ส.วาทิณี อายุ 49 ปี แสดงตัวเป็นผู้ครอบครอง รับว่าตัวเองทำหน้าที่เป็นพนักงานส่งสินค้า ผลการตรวจค้นพบกลางเบื้องต้น ได้แก่
– บุหรี่ไฟฟ้า และ หัวพอด รวมจำนวน 13,166 ชิ้น
– หัวพอด จำนวน 5,932 ชิ้น
– น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 1,000 ชิ้น
รวมของกลางที่ยึดได้ทั้งหมด จำนวน 20,198 ชิ้น
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. จึงขอฝากเตือนมายังพี่น้องประชาชน ปัจจุบันบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้า ที่ถูกลักลอบนำเข้าและมีการจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย จึงไม่ได้ผ่านการตรวจสอบและรับรองคุณภาพ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้เสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ ยังมีความผิดตามกฎหมาย ดังนี้
“กรณีผู้ขายหรือผู้ให้บริการบุหรี่ไฟฟ้า”
* คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้มีคำสั่ง ที่ 9/2558 ลงวันที่ 28 มกราคม 2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า “บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า ฯ” โดยผู้ใดขายหรือให้บริการ มีความผิดตามมาตรา 29/9 ประกอบมาตรา 56/4 แห่งพ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 ฯ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
“กรณีผู้นำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า”
* เป็นความผิดตามมาตรา 20 แห่งพ.ร.บ. การส่งออกไปนอกและการนำเข้าฯ พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติมฯ
** ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า เป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับเป็นเงินห้าเท่าของราคาสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ กับให้ริบบุหรี่ไฟฟ้า รวมทั้ง สิ่งที่ใช้บรรจุและพาหนะใดฯ นั้นด้วย
*** เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 มาตรา 244 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
“กรณีผู้ครอบครองหรือรับไว้ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้า”
* เป็นความผิดฐาน ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสียซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใดฯ ตามมาตรา 246 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือ ทั้งจำทั้งปรับ ฯ