CIB ยึดรถเก๋งต้องสงสัยว่าเป็นรถสวมทะเบียน 

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ยึดรถเก๋งซึ่งต้องสงสัยว่าเป็นรถสวมทะเบียน 

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล., พ.ต.อ.ชาคริต มงคลศรี รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป.ปฎิบัติราชการ รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.มีชัย กำเนิดพรม รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.สุขสวัสดิ์ คูสิทธิผล รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.ณัฐพงษ์ ปิตะบุตร รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.แมน  เม่นแย้ม รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.พิชญ์รุจ กุลวิมลประทีป รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.วันชนะ ทิพย์อาสน์ ผกก.8 บก.ทล., พ.ต.ท.วินัย ธนะโชติ รอง ผกก.8 บก.ทล., พ.ต.ท.ณรงค์ฤทธิ์ งามแฉ่ง สวญ.ส.ทล.1 กก.8 บก.ทล. 

เจ้าหน้าที่ผู้ทำการยึด นำโดย ร.ต.อ.รัศมี คำศรีแก้ว, ร.ต.อ.อุดมศิลป์ ลีลาสมฤกษ์ รอง สว.ส.ทล.1 กก.8 บก.ทล, ร.ต.ต.สมสมัย เดชยศศรี รอง สว.(ป) ส.ทล.1 กก.8 บก.ทล., ด.ต.สามารถ สัมฤทธิ์, ส.ต.อ.เกริกเกียรติ อินทร์เสนา ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.8 บก.ทล.

สถานที่ตรวจค้น บริเวณ กม.34 ขาออก ถ.ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ต.บางพลีน้อย อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ 

ร่วมกันทำการตรวจยึด

1. รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ MG สีน้ำเงิน พร้อมกุญแจจำนวน 1 ดอก                          

2. แผ่นป้ายทะเบียน เลขทะเบียน 1 ขธ 5605 กรุงเทพฯ จำนวน 2 แผ่น จุดที่พบ ติดอยู่บริเวณหน้ารถและบริเวณหลังรถ     

3. แผ่นป้ายทะเบียน เลขทะเบียน งค 6148 นครราชสีมา จำนวน 2 แผ่น จุดที่พบ วางไว้ใต้แผ่นรองพื้นบริเวณประตูหลังรถ              

4. ใบคู่มือการจดทะเบียน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง เลขทะเบียน งค 6178 นครราชสีมา จุดที่พบช่องเก็บของด้านหน้ารถฝั่งผู้โดยสาร 

พฤติการณ์ ขณะที่เจ้าหน้าที่ผู้ทำการตรวจยึดปฏิบัติหน้าที่ ได้รับแจ้ง จากระบบเตือนข้อมูล รถต้องสงสัยสวมทะเบียน จากกล้องกองบังคับการตำรวจทางหลวง ตรวจสอบรถต้องสงสัยสวมทะเบียน รถยนต์เก๋ง 5 ประตู ยี่ห้อ MG สีนำเงิน เลขทะเบียน 1 ขธ 6505 กรุงเทพฯ จึงได้วางกำลังเฝ้าสังเกตุการณ์ในเส้นทาง ต่อมา พบรถยนต์คันดังกล่าวตรงตามที่ได้รับแจ้ง บริเวณ กม.34 ขาออก ถ.ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ต.บางพลีน้อย อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ จึงเรียกตรวจสอบ พบนายพชรฯ อายุ 46 ปี เป็นผู้ขับขี่ จากการตรวจสอบแผ่นป้ายทะเบียน เลขทะเบียน 1 ขธ 5605 กรุงเทพฯ ซึ่งติดบริเวณด้านหน้าและด้านหลังรถ ลักษณะทางกายภาพ แผ่นป้ายทะเบียน มีตราขนส่ง มีลายน้ำ มีตราอุณาโลม แต่เมื่อตรวจสอบในสารระบบทะเบียนรถ จากระบบ crime ไม่พบข้อมูลในฐานข้อมูล ตรวจสอบเลขตัวถังรถยนต์ เป็นหมายเลขที่ใช้กับหมายเลขทะเบียน งค 6178 นครราชสีมา มี นางปภัสรินทร์ฯ เป็นผู้ครอบครอง (ไม่สามารถติดต่อได้) พบแผ่นป้ายการเสียภาษีประจำปี ใช้กับรถยนต์หมายเลข ทะเบียน งค 6178 นครราชสีมา ติดบริเวณกระจกหน้ารถ จากนั้นได้ขอตรวจค้นภายในรถยนต์คันดังกล่าว ต่อหน้า นายพชรฯ จากการตรวจค้น พบแผ่นป้ายทะเบียน เลขทะเบียน งค 6178 นครราชสีมา จำนวน 2 แผ่น จุดที่พบวางไว้ใต้แผ่นรองพื้นบริเวณประตูหลังรถ และพบใบคู่มือการจดทะเบียน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน เลขทะเบียน งค 6178 นครราชสีมา จุดที่พบช่องเก็บของด้านหน้ารถฝั่งผู้โดยสาร ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายอย่างอื่นแต่อย่างใด โดยนายพชรฯ ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ทำการตรวจยึดว่า ได้ซื้อรถมาจาก น.ส.ภาสินีฯ ในราคา 130,000 บาท โดยติดต่อซื้อขายผ่านทาง เพจเฟซบุ๊ก

โดยแผ่นป้ายทะเบียน เลขทะเบียน 1 ขธ 6505 กรุงเทพฯ ได้ติดกับรถมาตั้งแต่วันที่ซื้อรถ โดยในวันรับรถได้นัดหมายรับรถที่หน้าร้านแห่งหนึ่ง เขตห้วยขวาง โดยมีชายไม่ทราบซื่อเป็นผู้นำรถมาส่งมอบให้ พร้อมทั้งมอบเอกสาร ใบคู่มือจดทะเบียนรถ เลขทะเบียน งค 6178 กรุงเทพฯ พร้อมแผ่นป้ายทะเบียน เลขทะเบียน งค 6178 กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ผู้ทำการตรวจยึดพิจารณาแล้วมีเหตุน่าสงสัยว่า แผ่นป้ายทะเบียน เลขทะเบียน 1 ขธ 5605 กรุงเทพฯ ไม่ได้ใช้กับรถคันดังกล่าวและตรวจสอบแล้วไม่มีในฐานข้อมูล ประกอบกับรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ MG คันดังกล่าว ซึ่งตรวจสอบเลขตัวถัง ระบุเลขทะเบียน งค 6178 นครราชสีมา ซึ่งจดทะเบียนเมื่อ พ.ศ.2563 แต่ซื้อมาในราคา 130,000 บาท และเมื่อตรวจสอบใบคู่มือการจดทะเบียน เลขทะเบียน งค 6178 นครราชสีมา พบลักษณะกระดาษ เล่มกระดาษ น่าสงสัยว่าจะมีการทำขึ้นมาใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงทำการตรวจยึด 1. แผ่นป้ายทะเบียน 1 ขธ 6505 กรุงเทพฯ จำนวน 2 แผ่น ซึ่งตรวจสอบแล้วไม่มีข้อมูลในสารระบบ ซึ่งสงสัยว่าอาจเป็นแผ่นป้ายทะเบียนปลอม 2. รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ MG สีน้ำเงิน พร้อมกุญแจจำนวน 1 ดอก ซึ่งน่าสงสัยว่าอาจได้มาจากการโจรกรรมหรือการกระทำความผิดต่างๆ 3. แผ่นป้ายทะเบียน เลขทะเบียน งค 6178 นครราชสีมา จำนวน 2 แผ่น  4. ใบคู่มือการจดทะเบียน เลขทะเบียน งค 6178 นครราชสีมา ซึ่งน่าสงสัยว่าทำปลอมขึ้นมาใหม่ จากนั้นนำส่ง พนักงานสอบสวน ส.ทล.1 กก.8 บก.ทล. เพื่อตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป