ตร.ไซเบอร์ จับเพิ่มอีก 1 ผู้ต้องหา คดีคอลเซ็นเตอร์หลอกเยาวชนอายุ 17 ปี และย่า สูญเงิน 3.4 ล้านบาท

ตำรวจไซเบอร์ จับเพิ่มอีก 1 ผู้ต้องหาคดีคอลเซ็นเตอร์หลอกเยาวชนอายุ 17 ปี และย่า สูญเงิน 3.4 ล้านบาท ย้ำสืบจับต่อที่เหลือ ไม่ปล่อยผ่าน

ตามนโยบาย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. ในฐานะ ผอ.ศปอส.ตร. ได้ขับเคลื่อนนโยบายผ่าน พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะผู้รับผิดชอบควบคุมสั่งการ บช.สอท. และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ
ผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์ และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว

วันที่ 15 ม.ค. 68 เวลา 11.30 น. ณ บริเวณชั้น 1 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ บช.สอท. (เมืองทองธานี) นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.ประจำ (สบ 6)ฯ รรท.ผบก.สอท.1 และ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 รรท.ผบก.สอท.3 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์จับเพิ่มอีก 1 ผู้ต้องหาคดีคอลเซ็นเตอร์หลอกเยาวชนอายุ 17 ปี และย่า สูญเงิน 3.4 ล้านบาท ย้ำสืบจับต่อที่เหลือ ไม่ปล่อยผ่าน

สืบเนื่องจากตำรวจไซเบอร์ กก.1 บก.สอท.3 ได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาในคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเยาวชนอายุ 17 ปี และย่า สูญเงิน 3.4 ล้านบาท รวม 9 ราย ซึ่งที่ผ่านมา ตำรวจได้ติดตามจับกุมได้แล้ว 2 ราย คือ นายภีมากรฯ เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 67 และ น.ส.กรรณิกาฯ เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 68 จับกุมได้ที่จุดผ่านแดนบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

ล่าสุด วันที่ 14 ม.ค. 68 พ.ต.อ.อภิรักษ์ จำปาศรี ผกก.1 บก.สอท.3 นำกำลังจับกุมผู้ต้องหาในขบวนการดังกล่าวเพิ่มอีก 1 ราย ได้แก่ นายมารุดฯ ผู้ต้องหาบัญชีม้าแถวที่ 3 โดยจากการสืบสวนทราบว่า นายมารุดฯ ได้หลบหนีไปอยู่ที่ จ.สมุทรปราการ จึงวางแผนจับกุมแต่ไม่พบตัว ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่า นายมารุดฯ จะเดินทางกลับไปที่ จ.นครราชสีมาโดยรถยนต์ จึงประสาน สภ.บ้านปรางค์ ตรวจสอบและสกัดรถคันดังกล่าว จนกระทั่งสามารถสกัดรถยนต์ต้องสงสัยไว้ได้

ตรวจสอบภายในรถพบชาย 2 คน และหญิง 1 คน โดยหนึ่งในนั้นคือ นายมารุดฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจด้วยการขู่เข็ญ, ร่วมกันโดยทุจริตหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง และสมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน” เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.สอท.3 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ทั้งนี้ ผบช.สอท. กล่าวว่า คดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงย่าและหลานชายวัย 17 ปี โอนเงินกว่า 3.4 ล้านบาทนั้น ตำรวจออกหมายจับผู้ต้องหา 9 ราย รวมจับกุมได้แล้ว 3 ราย ยืนยันผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีตำรวจไซเบอร์ไม่ปล่อยผ่านแน่นอน จะเร่งติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีมาดำเนินคดีต่อไป