ตำรวจ สน.พระราชวัง ตามจับคนขับรถจักรยานยนต์รับส่งผ่านแอปพลิเคชันแห่งหนึ่ง วางแผนฉกเงินหญิงชาวรัสเซียขณะให้บริการ อ้างหน้ามืดเห็นนักท่องเที่ยวนับเงิน ก่อนนำเงินไปเล่นการพนันจนหมดตัว

วันนี้ (16 ธ.ค.2567) ตำรวจ สน.พระราชวัง ติดตามจับกุมคนขับรถจักรยานยนต์รับส่งผ่านแอปพลิเคชันแห่งหนึ่ง ชื่อนายบรรพต หรือเล็ก อายุ 29 ปี หลังพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลพระราชวัง ได้รับแจ้งความจาก นางสาวแอนนา (MISS ANNA ) อายุ 25 ปี นักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย ว่าถูกผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ตัวเองเรียกผ่าน แอปพลิเคชันแห่งหนึ่ง เพื่อจะเดินทางไปท่องเที่ยวที่วัดสระเกศ ก่อนรถจักรยานยนต์ที่มารับ จะออกอุบายว่าให้นำกระเป๋าที่สะพายอยู่ไปไว้บริเวณหน้ารถ เนื่องจากเกรงว่าจะถูกวิ่งราวทรัพย์ ทำให้นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียหลงเชื่อ แต่คนขับรถจักรยานยนต์กับพาขับวน โดยไม่ไปส่งถึงที่หมาย แต่กลับมาส่งที่จุดเดิมและบอกว่ามารับผิดคน เมื่อตรวจสอบในกระเป๋ากลับพบว่ามีเงินสดหายไปจำนวน 15,000 บาท จึงเข้าแจ้งความ
พันตำรวจเอกภาวัต วรรธสุภัทร ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลพระราชวัง เปิดเผยว่า ตำรวจฝ่ายสืบสวนได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าเวลา 14.15 น. ของวันที่ 13 ธันวาคม 67 พบผู้ต้องหาได้ขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นจีออราโน่ สีขาว มาบริเวณท่าเตียน และได้จอดรถ จักรยานยนต์ เพื่อนำหน้ากากอนามัยมาปกปิดแผ่นป้ายทะเบียนและขี่รถจักรยานยนต์คันกล่าว ไปรับผู้เสียหายบริเวณท่าเตียน ในระหว่างที่ผู้เสียหายซ้อนรถจักรยานยนต์อยู่ ผู้ต้องหาได้จอดรถ บริเวณแยกพระพิพิธ ลงจากรถเพื่อนำหน้ากากอนามัยที่ปกปิดแผ่นป้ายทะเบียนออก ต่อมาเมื่อผู้ต้องหาขับรถมาถึงบริเวณแยกบ้านหม้อได้นำมือซ้ายไปจับล้วงกระเป๋าของผู้เสียหายแล้วนำเงินของผู้เสียหายออกไปใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อด้านหน้าที่ผู้ต้องหาสวมใส่อยู่และได้วนรถกลับมาส่งผู้เสียหายยังบริเวณท้ายวัง และได้ขับเพื่อไปสลับรถจักรยานยนต์อีกคัน โดยผู้ต้องหาได้ขับขี่รถจักรยานยนต์อีกคัน ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นหลีด สีดำ โดยใช้ตุ๊กตาห้อยไว้ที่ป้ายทะเบียนเพื่อปกปิดบังป้ายทะเบียนไว้ ตำรวจฝ่ายสืบสวนได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด ก่อนก่อเหตุ และ หลังก่อเหตุ จนพิสูจน์ทราบทะเบียนรถที่ใช้ก่อเหตุ และรถที่สับเปลี่ยนอีก 1 คัน จนทราบว่าเจ้าของรถที่ใช้ก่อเหตุเป็นเพื่อนของนายบรรพต ซึ่งรถที่สับเปลี่ยนเป็นรถของนายบรรพต ฝ่ายสืบสวนจึงเฝ้าติดตามพฤติกรรม จนกระทั่งเมื่อวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา นายบรรพตได้ขับรถของตัวเองออกมาตระเวน บนถนน ท้ายวัง แขวง พระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ตำรวจฝ่ายสืบสวนจึงออกอุบายให้ตำรวจฝ่ายจราจร เข้าจับตาม พ.ร.บ.จราจร พยายามปิดบังป้ายทะเบียน ก่อนควบคุมตัวมาสอบปากคำเพื่อสอบถามว่าเป็นบุคคลที่ก่อเหตุลักทรัพย์นักท่องเที่ยวหญิงชาวรัสเซียหรือไม่ ซึ่งผู้ต้องหารับสารภาพทุกข้อกล่าวหา
โดยนายบรรพต อ้างว่าหน้ามืดหลังจากเห็นนักท่องเที่ยวหญิงชาวรัสเซียดังกล่าวนับเงินเป็นจำนวนมากขนาดที่ตัวเองจะเข้าไปรับ หลังนักท่องเที่ยวใช้บริการผ่านแอปพลิเคชัน แต่เมื่อถึงจุดนัดหมายได้กดยกเลิกในระบบ เพื่อนำรถไปปิดบังแผ่นป้ายทะเบียนโดยใช้หน้ากากอนามัย ก่อนจะเข้าไปรับและอ้างว่าตัวเองเป็นคนให้บริการ และได้ออกอุบายบอกกับนักท่องเที่ยวคนดังกล่าวว่าให้เอากระเป๋ามาไว้บริเวณหน้ารถจักรยานยนต์ เนื่องจากกลัวว่าจะมีบุคคลมาวิ่งราวทรัพย์ เมื่อนักท่องเที่ยวหลงเชื่อจึงนำกระเป๋ามาไว้บริเวณด้านหน้าและลงมือก่อเหตุ หลังจากได้เงินแล้วได้นำนักท่องเที่ยวไปส่งยังจดหมายเดิมโดยให้เหตุผลว่ารับผิดคน ก่อนนำเงินดังกล่าวไปเล่นสนุกเกอร์เดิมพันกับกลุ่มเพื่อน จนแทบหมดตัว ก่อนถูกตำรวจตามจับได้ โดยนายบรรพตยังอ้างอีกว่าก่อเหตุครั้งนี้เป็นครั้งแรก
ภายหลังการจับกุม ตำรวจได้เชิญตัวนางสาวแอนนา นักท่องเที่ยวหญิงชาวรัสเซีย มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อระบุตัวผู้ก่อเหตุ และให้ปากคำเพิ่มเติม โดยตำรวจได้ติดต่อประสานกับทางบิดาของนายบรรพต ทราบถึงพฤติกรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้น โดยบิดานายบรรพตยืนยันว่าจะนำรถจักรยานยนต์ไปจำนำ เพื่อนำเงินที่นายบรรพตเอาไป มาคืนให้กับผู้เสียหาย ซึ่งนางสาวแอนนา รู้สึกดีใจ ที่ตำรวจสามารถติดตามจับผู้ก่อเหตุได้อย่างรวดเร็ว โดยระบุว่ารู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ไม่เหมารวมไปถึงคนไทยทั้งหมด พร้อมที่จะกลับมาท่องเที่ยวประเทศไทย แต่อาจจะต้องระวังตัวให้มากขึ้น
สำหรับนายบรรพต ถูกพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาข้อลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินหกหมื่นบาท นอกจากนี้ พบประวัติแล้วพบว่าเคยมีประวัติถูกดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ ในพื้นที่ สภ.สามง่าม ภ.จว.พิจิตร และฝ่าฝืนประกาศกำหนดอาหารที่ห้ามผลิตห้ามนำเข้าหรือห้ามจำหน่าย ปี2566 สน.ชนะสงคราม