ก่อนเกิดเหตุ ได้มี ผู้เสียหาย ทยอยมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ในความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2564 จำนวน 247 คน มูลค่า ความเสียหายประมาณ 7,500 ล้านบาท พฤติการณ์กล่าวคือ ผู้เสียหายได้รับการติดต่อ ชักชวน จากตัวแทน บริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ว่าตนเป็นตัวแทนการระดมเงินลงทุน ให้นายแพทย์บุญ(สงวนนามสกุล)
หรือหมอบุญ และครอบครัว โดยแจ้งว่านำไปลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ เช่น โครงการสร้างศูนย์มะเร็ง , โครงการเวลเนสเซ็นเตอร์ , สร้างโรงพยาบาลใน สปป.ลาว , เข้าร่วมลงทุนกับโรงพยาบาลในเวียดนาม เป็นต้น
นายแพทย์บุญฯ ได้สร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวเอง โดยกล่าวอ้างว่า จะมีการลงทุนดังกล่าว ผ่านสื่อสารธารณะ , เว็บไซต์ , สื่อออนไลน์ และสำนักพิมพ์หลายแห่ง มีการทำสัญญากู้ยืมเงิน โดยให้ผลตอบแทนสูงกว่าสถาบันการเงิน และจ่ายเช็คเพื่อชำระหนี้เงินกู้ และดอกเบี้ย ในชื่อนายบุญ วนาสิน พร้อมทั้งมีบุคคลในครอบครัวเป็น ผู้ค้ำประกันตามสัญญา และเซ็นต์สลักหลังในเช็คทุกฉบับ มอบให้แก่ผู้เสียหาย ต่อมาเมื่อครบกำหนดชำระเงินตามเช็ค ปรากฏว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน
จากการตรวจสอบพบว่า โครงการต่างๆ ที่ผู้ต้องหานำเสนอผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว ไม่มีอยู่จริง ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน” กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 จึงได้มีการแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนขึ้น ซึ่งกรณีนี้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบช.น. เร่งรัดดำเนินการโดยด่วน เนื่องจาก มีผู้เสียหายจำนวนมาก และมูลค่าความเสียหายสูง
ต่อมา เมื่อวันที่ ๒๒ พ.ย. ๖๗ คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 ได้รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขออำนาจศาลอาญา ออกหมายจับ นายบุญ(สงวนนามสกุล) กับพวก รวม 9 คน และศาลอาญา ได้อนุมัติหมายจับ ตามหมายจับศาลอาญาที่ 5645 – 5653/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย. 67 ตามลำดับ
ต่อมา ในวันเดียวกัน (22 พ.ย. ๖๗) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาตามหมายจับนี้ ได้ จำนวน 6 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน ขยายผล เพื่อจับกุมผู้ร่วมขบวนการนี้เพิ่มเติม และเร่งติดตาม สืบค้น ยึด อายัด ทรัพย์สินต่างๆ ของผู้ต้องหา เพื่อนำมาคืนสู่ผู้เสียหายให้ได้มากที่สุดต่อไป