ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เปิดปฏิบัติการ CYBER GUARDIAN ทลายเครือข่ายหลอกลงทุนออนไลน์ จับกุมผู้ต้องหา 7 ราย ยึดทรัพย์ได้กว่า 80 ล้านบาท
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. ปรก.บก.ปอท., พ.ต.อ.ประดิษฐ์ เปการี, พ.ต.อ.วัชรพันธ์ ศิริพากย์, พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.ชิษณุพงศ์ ไหวดี ผกก.3 บก.ปอท., พ.ต.ท.สัญญา นิลนพคุณ, พ.ต.ท.เสริมศักดิ์ น้อยหัวหาด, พ.ต.ท.อิสรพงศ์ ทิพย์อาภากุล รอง ผกก.3 บก.ปอท.
เจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้น นำโดย พ.ต.ท.หญิง สุธัญดา เอมเอก, พ.ต.ท.ณรงค์ฤทธิ์ พุ่มพวง, พ.ต.ท.ชัยณรงค์ จอมเล็ก, พ.ต.ท.หญิงภาพิมล ชัยขันธ์, พ.ต.ท.ประดิษฐ์ สุวรรณดี, พ.ต.ท.ประทีป จันทร์เพชรบุรี สว.กก.3 บก.ปอท., พ.ต.ต.ปกฉัตร สงวนแวว สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท. ,ร.ต.อ.นันทณัฐ ปิณะวันนา, ร.ต.อ.นนทนันท์ นวนงาม รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท.
ร่วมกันจับกุม
1. นายสายันต์ฯ อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 5353/2567
2. นายสุธีฯ อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 5355/2567
3. นายปภาวินฯ อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 5357/2567
4. นายพงษ์เพชรฯ อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 5360/2567
5. น.ส.งามศิริฯ อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 5362/2567
6. น.ส.สุวรรณีฯ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 5363/2567
7. น.ส.จู๋เหมยฯ อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 5364/2567
ในความผิดฐาน “มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน
โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, โดยทุจริตหรือหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดวามเสียหายแก่ประชาชน, สมคบโดยการตกลงตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน”
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับมอบหมายจากศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (CIB AOC) ให้สืบสวนจับกุมคนร้าย กรณีผู้เสียหายถูกคนร้ายหลอกให้โอนเงินลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ในเพจเฟซบุ๊กปลอมที่แนะนำการเทรดหุ้น โดยผู้เสียหายโอนเงินไปยังบัญชีของผู้ต้องหาซึ่งเป็นบัญชีม้าหลายคน รวมความเสียหายจำนวน 3,800,000 บาท
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอท. ได้ดำเนินการสืบสวนตรวจสอบข้อมูลจนทราบว่า มีการเปลี่ยนสภาพเงินเป็นคริปโตเคอร์เรนซี่ (USDT) ผ่านแพลตฟอร์ม Binance แล้วโอนต่อไปยังกระเป๋าเงินดิจิทัลต่างๆ และสืบค้นพบว่าเงินถูกแปลงเป็นทรัพย์สินอื่นๆ เช่น บ้านหรู, คอนโดมีเนียม, โฉนดที่ดิน และรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ดำเนินการสืบสวนเพิ่มเติม พบว่ากลุ่มผู้ต้องหามีการทำธุรกรรมข้ามประเทศ และคาดว่ามีการ กระทำที่เข้าข่ายฟอกเงิน
โดยพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท. ได้ขอหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้ต่อศาลอาญา และศาลได้อนุญาตหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 12 ราย ประกอบไปด้วย
– เจ้าของบัญชีธนาคารและบัญชีคริปโตฯ (บัญชีม้า) จำนวน 4 ราย
– นายหน้าจัดหาบัญชีม้าและพาข้ามแดน จำนวน 3 ราย
– พนักงานออฟฟิศทำหน้าที่สแกนหน้าและดูแลบ้านพัก ฝั่งปอยเปต จำนวน 2 ราย
– กลุ่มฟอกเงินและรับผลประโยชน์ จำนวน 3 ราย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอท. ได้เปิดปฏิบัติการ Cyber Guardian ดำเนินการจับกุม ผู้ต้องหาตามหมายจับและตรวจยึดทรัพย์สินที่น่าเชื่อว่าได้มาจากการกระทำความผิด ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา, จ.ตาก, จ.สงขลา และ กรุงเทพมหานคร สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้รวมทั้งสิ้น 7 ราย โดยเป็นผู้ต้องหาในกลุ่มบัญชีม้าได้จำนวน 2 ราย ,กลุ่มนายหน้าหาบัญชีม้า จำนวน 2 ราย และกลุ่มฟอกเงินและรับผลประโยชน์ จำนวน 3 ราย
ตรวจยึดทรัพย์สิน ได้แก่ บ้านหรูราคา 27 ล้านบาท จำนวน 1 หลัง, รถยนต์ จำนวน 2 คัน, คอนโดมีเนียมหรู จำนวน 4 ห้อง, โฉนดที่ดิน ที่ จ.ภูเก็ต, จ.ตาก, จ.เชียงใหม่, จ.เชียงราย จำนวนหลายแปลง, เงินสดกว่า 6 แสนบาท, ทองคำแท่ง และ กระเป๋าแบรนด์เนมอีกหลายรายการ รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดกว่า 80 ล้านบาท
สอบถามคำให้การเบื้องต้น นายสายันต์ฯ และ นายสุธีฯ ให้การรับสารภาพว่า ได้เปิดบัญชีม้าและ ข้ามแดนไปสแกนหน้าที่ฝั่งปอยเปตจริง โดยได้รับค่าจ้างบัญชีละ 5,000 บาท, ในส่วนของผู้ต้องหารายอื่นๆให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา