รวบโจ๋สาย3 ขณะนำปืนดัดแปลงลำกล้องมาส่งในปั๊มน้ำมัน

สืบนครบาล รวบสองวัยรุ่นสาย 3 ขณะนำปืนดัดแปลงลำกล้องมาส่งในปั๊มน้ำมัน ส่วนเพื่อนที่มาด้วยเผ่นกันป่าราบเลย

เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น , พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย ,พ.ต.อ.นิวัฒน์ พึ่งอุทัยศรี รอง ผบก สส.บช.น. พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท ณัฐวุฒิ สีเสมอ , พ.ต.ท.นิติกรณ์ ระวัง รอง ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น. สั่งการให้ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.สมพร คำเกตุ สว.กก.สส.2 บก.สส.บช.น. พร้อมชุดปฏิบัติการที่ 4 ดำเนินการ เจ้าหน้าที่ กก.สส.2 บก.สส.บช.น. จับกุมตัว

1.นายธีรวัฒน์ อายุ 23 ปี
2.นายศิริพงศ์ อายุ 28 ปี

โดยกล่าวหาว่า “ ร่วมกันจำหน่ายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน โดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร”

พร้อมด้วยของกลาง

1.อาวุธปืน ( ประดิษฐ์ ดัดแปลงลำกล้อง ) ขนาด .380 จำนวน 1 กระบอก
2.ซองกระสุนปืน (แม็กกาซีน) จำนวน 1 ซอง
3.เครื่องกระสุนปืนขนาด .380 จำนวน 30 นัด
4.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า GIORNO (คันที่ 1 )
5.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ 110 i (คันที่ 2 )
6.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ 125 i สีเขียว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน (คันที่ 3)

สถานที่จับกุม บริเวณภายในสถานีบริการน้ำมัน สาขาพุทธมณฑล สาย 3 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กรุงเทพฯ

พฤติการณ์แห่งคดี ก่อนทำการจับกุมเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนออนไลน์ กก.สส.2 บก.สส.บช.น. ได้ออกติดตามสืบสวนหาข่าว เพื่อจับกุมผู้กระทำความผิดที่ลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน โดยใช้สื่อโซเชียลมีเดีย เป็นช่องทางในการติดต่อ ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯ ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.2 บก.สส.บช.น. และได้รับแจ้งจากสายลับ ให้ข้อมูลว่านายธีรวัฒน์ฯ( ทราบชื่อจริง นามสกุลจริงภายหลัง ) ใช้บัญชีเฟสบุ๊คในการขายอาวุธปืนฯ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ออกสืบสวนติดตามเรื่อยมา จนกระทั่งวันนี้( 24 ต.ค.67 )ช่วงเวลาประมาณ 10.30 น. พ.ต.ต.สมพร คำเกตุ สว.กก.สส.2 บก.สส.บช.น. ได้มีสายลับเข้ามาพบและแจ้งว่า มีผู้ใช้บัญชีเฟสบุ๊ครายหนึ่งได้เสนอขาย อาวุธปืน (ประดิษฐ์ ดัดแปลงลำกล้อง) ขนาด .380 ในราคา 16,000 บาท และเครื่องกระสุนปืน ขนาด .380 มม. ในราคา 2,500 บาท ราคารวมทั้งสิ้น 18,500 บาท โดยนัดหมายให้มารับ บริเวณภายในสถานีบริการน้ำมัน สาขาพุทธมณฑล สาย 3 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กรุงเทพฯ พ.ต.ต.สมพรฯ จึงรายงานให้กับผู้บังคับบัญชาทราบเพื่อขออนุมัติในการล่อซื้อจับกุมผู้กระทำความผิด และได้วางแผนการล่อซื้อเพื่อทำการจับกุมผู้กระทำความผิด ต่อมาเวลาประมาณ 19.00 น.จึงได้ออกเดินทาง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงบริเวณจุดนัดหมาย เวลาประมาณ 21.10 น. พบชายวัยรุ่น 4 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์มา 3 คัน มายังจุดที่รถยนต์ของสายลับซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ขับขี่จอดอยู่บริเวณภายในปั๊ม เพื่อทำการซื้อขายอาวุธปืนของกลางดังกล่าว เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นอาวุธปืนของกลางดังกล่าว เมื่อนายธีรวัฒน์ฯ ได้รับเงิน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและสายลับที่ทำการล่อซื้อได้ส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่สังเกตการณ์อยู่บริเวณใกล้เคียงเข้าทำการจับกุม เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ กลุ่มชายดังกล่าวได้วิ่งหลบหนีกระเจิดกระเจิง เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวไว้ได้ 2 คน คือนายธีรวัฒน์ และนายศิริพงศ์ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามนายธีรวัฒน์ฯ แจ้งว่าพวกที่หลบหนี ทราบเพียงชื่อเล่นว่านายมาร์ค กับนายเก้า ไม่ทราบชื่อสกุลจริง ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายธีรวัฒน์ฯ และนายศิริพงศ์ฯ พร้อม รถจักรยานยนต์ทั้ง 3 คัน มายัง สน.หนองค้างพลู

ในชั้นจับกุมจากการสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับอาวุธปืน นายธีรวัฒน์ฯ ได้ให้การว่า ได้เสนอขายอาวุธปืนพร้อมกระสุนดังกล่าวจริง โดยเสนอขายในราคา 18,500 บาทและนายศิริพงศ์ฯ ให้การว่า นายธีรวัฒน์ฯ ได้โทรศัพท์เรียกให้มาคุ้มกันในระหว่างซื้อ-ขาย อาวุธปืน เพราะกลัวว่าจะโดนปล้น จากนั้นได้ทำบันทึกการจับกุม นำตัวส่ง พงส.สน.หนองค้างพลู เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ กล่าวว่า อาวุธปืนนั้น เป็นต้นตอของการก่อเหตุอาชญากรรมต่างๆ ทั้งเหตุอุกฉกรรจ์ นักเรียนไล่ยิงกัน วัยรุ่นก่อเหตุยิงคู่อริ เป็นต้น โดยทางสืบนครบาลมุ่งเน้นที่จะปราบปรามจับกุมอย่างจริงจังตลอดเวลาตามนโยบายของ ผบ.ตร. และขอฝากเตือนผู้ซื้อ-ขายปืนออนไลน์ มีความผิดทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ ผู้ซื้ออาวุธปืนออนไลน์มีความผิดฐาน “ซื้อ มี ใช้ สั่ง หรือนำเข้า อาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืน โดยไม่ได้รับอนุญาต” มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท ส่วนผู้ขายมีความผิดฐาน “ทำ ประกอบ มี หรือจำหน่ายอาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต” มีโทษจำคุกตั้งแต่ 2-20 ปี และปรับตั้งแต่ 4,000-40,000 บาท