ยุทธการ “ระเบิดสะพานโจร” ทำลายสายส่งเคเบิลลากข้ามโขง เอื้อแก๊งคอลเซ็นเตอร์

วันนี้ (20 ต.ค.67) เวลา 15.30 น. พลตำรวจเอกณัฐธร เพราะสุนทร กสทช. ด้านกฎหมาย และประธานอนุกรรมการบูรณาการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีฯ, พลตำรวจโทธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, นายไตรรัตน์ วิริยะสิริกุล รักษาการ เลขาธิการ กสทช. พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ กสทช., พลตำรวจตรีชัชชัย วงค์สุนะ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร ร่วมแถลงผลการจับกุมผู้ลักลอบนำสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ให้บริการในไทย ลากสายข้ามสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 2 (มุกดาหาร – สะหวันนะเขต) ณ ห้องประชุมตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดมุกดาหาร ชั้น 2 อาคารผู้โดยสารขาออก ด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2

พลตำรวจเอกณัฐธร กล่าวว่า การปฏิบัติการในครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง กสทช. สำนักงาน กสทช. เขต 25 จังหวัดนครพนม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อควบคุมและกำกับการประกอบกิจการโทรคมนาคมให้เป็นไปตามกฎหมาย ในกรณีนี้ พบว่า มีบริษัทเอกชน รายหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้รับอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมจาก กสทช. ในการประกอบกิจการได้เฉพาะภายในประเทศไทย แต่บริษัทดังกล่าวติดตั้งตู้ชุมสายอินเทอร์เน็ตบริเวณชายแดน ลักลอบพาดสายสัญญาณความเร็วสูงข้ามสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 2 (มุกดาหาร – สะหวันนะเขต) เพื่อลักลอบกระจายสัญญาณไปยังพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน จากการตรวจสอบด้วยเครื่องมือพิเศษของ กสทช. พบว่าเครือข่ายนี้มีการลากสายลึกเข้าไปในประเทศเพื่อนบ้านไกลกว่า 5 กิโลเมตร ทำให้สามารถกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตครอบคลุมพื้นที่เศรษฐกิจขนาดใหญ่ รองรับผู้ใช้งานกว่าหมื่นรายพร้อมกัน เอื้อให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงคนไทยได้สะดวก เทียบเท่าการเข้ามาตั้งฐานในประเทศไทย พฤติการณ์ของเครือข่ายนี้ถือเป็นการกระทำอย่างอุกอาจ โจ่งแจ้ง ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ซึ่งการกระทำในลักษณะดังกล่าวเป็น ความผิดฐาน ประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นความผิด ตามมาตรา 67 (3) แห่ง พ.ร.บ. การประกอบกิจการโทรคมนาคมฯ ซึ่งต้องระวางโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ด้านพลตำรวจโทธัชชัย กล่าวว่า จากนโยบายของรัฐบาล มอบหมายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กวดขัน ปราบปรามอย่างเด็ดขาดกับอาชญากรรมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก โดยขบวนการลักลอบพาดสายที่จับกุมได้ในวันนี้ ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย มีความแตกต่างจากเคสก่อนๆ ที่เราเคยจับมา จากที่เคยลักลอบลากสายตามช่องทางธรรมชาติ ผ่านแม่น้ำ แต่ครั้งนี้เป็นการลากพาดสะพานข้ามแดน ถือเป็นเคสแรกที่เราตรวจพบ หลังจากนี้ได้สั่งการให้ทุกหน่วยที่มีพื้นที่รับผิดชอบติดแนวชานแดนประสานการทำงานกับ กสทช. ตรวจสอบการกระทำผิดในลักษณะนี้หากตรวจพบให้ดำเนินการอย่างเฉียบขาดทุกราย