ตำรวจภูธรจังหวัดระนอง รวบแล้ว 2คนร้ายชายหญิง ก่อเหตุใช้ปืนปลอม ชิงทรัพย์ร้านทอง 68 บาท มูลค่ากว่า 2ล้าน7แสนบาท ในห้างดังเมืองระนอง พร้อมนำตัวคนร้าย ชาย 40 ปี และแยกคนร้ายผู้หญิงออกเนื่องจากมีอายุเพียง 16 ปี ใช้ผู้หญิงคนอื่น ไปทำแผนประกอบสำนวนคำรับสารภาพทันที
เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2567 เวลา 08.30 น. ที่ สภ.เมืองระนอง พ.ต.อ.ธวัชชัย ซุ้นเจริญ ผกก.สภ.เมืองระนอง พร้อมกำลังตำรวจจากชุดป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม สภ.เมืองระนอง หน่วยปฎิบัติการพิเศษ กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดระนองหรือชุดราชเดช จำนวนร่วม 60 นาย ได้ควบคุมตัว นายวีระวุธ หรือเหน่ง เชื้อฉิม อายุ 40 ปี ผู้รับเหมาก่อสร้างรายย่อย พร้อมตัวแทน น.ส.เนย (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี เดินทางไปทำแผนประกอบสำนวนคำรับสารภาพ ชิงทรัพย์ ร้านทอง เยาวราชกรุงเทพ ภายในห้างโลตัส สาขาระนอง ต.บางริ้น อ.เมืองระนอง จ.ระนอง
โดยมี นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง และ พล.ต.ต.เชิดพงษ์ ชิวปรีชา ผบก.ภ.จว.ระนอง ร่วมสังเกตการณ์ในการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ จากเหตุชิงทอง เมื่อเช้าวันพุธ ที่ 11 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา โดยคนร้าย นายวีระวุธ ได้เดินเข้ามาทันทีที่ห้างเริ่มเปิดทำการ เดินผ่านประตูทางเข้าออกห้าง ตรงมายังร้านทองที่อยู่ห่างเพียง 10 เมตร จากนั้นได้ชักปืนพลาสติกปลอมสีดำ เข้าทำการขู่พนักงานในร้าน จนต้องรับหลบหนีออกจากเคาน์เตอร์จำหน่ายทอง จากนั้นคนร้ายได้ทำการหยิบทองออกจากถาด ที่แขวนโชว์ในตู้กระจก โดยมี น.ส.เอ คอยถือกระเป๋าผ้าใส่ทอง ได้ทองคำไป น้ำหนักสุทธิ 62 บาท จากนั้นได้วิ่งออกจากห้างตรงไปที่ลานจอดรถจักรยานยนต์ ก่อนบึ่งขับหนีออกไปอย่างรวดเร็ว มีเสียหลักรถจักรยานยนต์ล้มที่ทางออกห้าง ทำให้ขวดน้ำมันเบนซินที่เตรียมมาเพื่อเผารถจักรยานยนต์ทิ้งในจุดเตรียมการ ได้หล่นบนพื้นถนนถนนจึงรีบหนีต่อไปตามถนนเพชรเกษม ขาล่องใต้ โดยภาพกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ สามารถบันทึกลักษณะรถจักรยานยนต์ฮอนด้าดรีมรุ่นเก่า ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน พร้อมรูปพรรณคนร้ายและเครื่องแต่งกายได้อย่างชัดเจน ให้เจ้าหน้าที่ได้ติดตามร่องรอยคนร้าย
ทำแผนจุดต่อมา คนร้ายทั้ง 2 คน ได้นำรถจักรยานยนต์คันที่ก่อเหตุ มาทิ้งไว้ระหว่างริมทางป่าละเมาะ ทางเข้าจุดชมวิวภูเขาหญ้า พร้อมเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ใส่ก่อเหตุถอดทิ้งทั้งหมด รวมทั้งปืนพลาสติกปลอมสีดำ ถุงมือ และหมวกที่สวมก่อเหตุ
ทำแผนจุดสุดท้าย ที่บ้านพักคนงาน ภายในสวนปาล์มน้ำมันแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ตำบลราชกรูด อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง จากนั้นได้แบ่งทองให้ น.ส.เอ 5 บาท ติดตัวไปเพื่อนำไปจำหน่ายที่ ย่านตลาดมหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร ส่วนทองที่เหลืออยู่ 48 บาท นายวีระวุธ ได้ติดตัวและใส่กระปุก ฝังดินข้างบ้าน ส่วนทองน้ำหนักอีก 9 บาท ที่หายไป คนร้ายกล่าวอ้างว่าได้ทำหล่นไว้จุดสตาร์ทรถ หรือจุดล้มรถไม่ทราบแน่ได้ ในขับหนีออกจากห้างที่ก่อเหตุ
โดยรวมทรัพย์สินที่ก่อเหตุในครั้งนี้ ทองคำน้ำหนัก 62 บาท ทองคำบาทละ 40,000 บาท จึงมีมูลค่าถึง 2,480,000 บาท ติดตามมาได้เพียง ทองคำน้ำหนัก 53 บาท หรือราคา 2,120,000บาท อีก 1 บาท นส.เนย นำไปขายให้กับร้านทองในระหว่างทางหลบหนี โดยมีเงินเหลือติดตัวประมาณ 20,000 กว่าบาทเศษ ส่วนทองอีก 9 บาท ที่หายไปตามยอดที่ร้านแจ้ง มูลค่ากว่า 660,000 บาท เจ้าหน้าที่จะสืบสวนติดตามทองคำรูปพรรณที่เหลือคืนมา และยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การคนร้ายที่ก่อเหตุชิงทองในครั้งนี้
ส่วน น.ส.เอ ผู้ต้องหาวัย 16 ปี ที่พึ่งไปรับตัวจาก จังหวัดสมุทรสาคร มาถึง สภ.เมืองระนองในช่วงเช้าวันนี้ก่อนทำแผน เจ้าพนักงานสอบสวนได้ทำการแยกตัว เพื่อรอสอบสวนปากคำ พร้อมทีมสหวิชาชีพ ตามหมายจับศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดระนอง
พล.ต.ต.เชิดพงษ์ ชิวปรีชา ผบก.ภ.จว.ระนอง เปิดให้สัมภาษณ์หลังทำแผนประกอบคำรับสารภาพว่า พฤติกรรมคนร้าย ได้ไปก่อเหตุ วันที่ 11 กันยายน 2567 เวลา 09.37 น. คนร้าย 2 คน ได้ทองไปประมาณเบ็ดเสร็จ น้ำหนัก 62 บาทตามที่ได้รับแจ้งมา แล้วคนร้ายได้หลบหนี วิ่งไปตรงจุดที่ที่จอดรถที่ลานจอดรถแล้วก็ขับมาเรื่อยๆ ตรวจสอบกล้องพบว่ามีการเบี่ยงขวา ก่อนถึงภูเขาหญ้า ก็เลยสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นการกลับรถตรงนั้น ก็เลยจัดชุดปูพรมหา แล้วก็ไปพบว่ารถคนร้ายจอดทิ้งไว้ พร้อมตัวเสื้อพวกเสื้อผ้าเสื้อผ้าต่างๆที่ตรงจุดนั้น จากนั้นไล่ข้อมูลต่อ ทั้งไล่กล้องเวลาก่อนเกิดเหตุ จนได้ตำหนิรูปพรรณชัดเจน ก็มาสโคปพื้นที่ น่าจะอยู่ในพื้นที่ไหนเรา มีการจัดชุดปูพรมตรวจสอบแล้ว พร้อมกับมีการปล่อยข้อมูลทางโซเชียล ผ่านทางนักข่าวที่ช่วกัน จนเราได้เบาะแสจากโซเชียลเนี่ยนี่แหละ น่าจะเป็นคนคนนั้นก็เลยเอาข้อมูลเนี่ยมาเดินต่อ จนกระทั่งคนนี้ค่อนข้างน่าจะใช่มากที่สุด เราก็เข้าไปดูในโซเชียลเค้า ไปดูรถที่เค้าโพสต์ไว้ รูปร่างหน้าตาและลักษณะท่าทางต่างๆ แต่คนที่จะยืนยันได้ก็คือคนใกล้ตัว ก็เลยมีการหลอกถาม จนแน่ใจแล้วจัดชุดที่จะเอาตัว หลักการจ้องเห็นตัว เฝ้าอยู่หนึ่งคืน ก็ได้ตัวเมื่อตอนเช้าประมาณซัก 6 โมงกว่า ได้ตั๋วพร้อมทองส่วนหนึ่ง ที่อยู่ในกระเป๋า เตรียมที่จะเอาไปขายที่ จ.สุราษฎร์ธานี จึงพากลับมาที่บ้าน สอบถามทองที่เหลืออยู่ไหน ก็เอามาฝังดินไว้ตรงนี้ ทางผู้กำกับสืบสวน และท่านผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง ก็มาดูก็พบว่าฝังอยู่จริง สำหรับทองเบ็ดเสร็จ ทั้งหมด 38 เส้น น้ำหนัก 48 บาท
แล้วก็ไปอยู่ที่เนย ผู้กระทำความผิดที่เป็นเยาวชน อีก 5 เส้น แต่เราได้ที่เนย 4 เส้น พร้อมเงินอีก 20,000 กว่าบาท ก็รวมแล้ว ได้ทองกลับมา อยู่ที่ประมาณ 52 บาท จากทองทั้งหมด 62 บาท เรื่องทองต้องขอยืนยันว่า เรมีเคลียร์หมด ไม่มีจะไปตกหล่นที่ไหนแน่นอน ส่วนที่จับตัวเนยได้ที่ มหาชัย สืบฯภาค 1 สืบภาค 7 และตำรวจที่สมุทรสาคร ร่วมกันจับกุมตัว และยืนยันว่าทองมีเพียงเท่านี้
พล.ต.ต.เชิดพงษ์ฯ ชี้ปัญหาร้านทองบางส่วนว่า ปัญหาก็คือร้านทอง ที่ทำตัวเป็นจุดอ่อน โดยเฉพาะร้านทองที่อยู่ตามห้าง พนักงานส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง โอกาสที่คนร้ายเข้าไปก่อเหตุ ก็จะได้ทองจำนวนเยอะมาก โชคดีที่ไม่ใช่ปืนปลอม แต่ถ้าใช้ปืนจริงขึ้นมามันก็จะเป็นเคสเหมือนเคสที่ลพบุรี ทีพนักงานในร่นถูกยิงตาย มาตรการตรงนี้หากร้านทองในห้าง จะได้ช่วยป้องกันได้ส่วนหนึ่ง อีกเรื่องหนึ่ง คือคนร้ายได้ทองไปแล้ว มันต้องขายร้านทอง ร้านทองต้องได้รับอนุญาตในเรื่องของค้าของเก่า วันนั้นถ้าร้านทองไม่รับซื้อมีการตรวจสอบข้อมูล คนที่เอาไปขาย เช่นลงรายละเอียดคนซื้อคนขาย มันก็จะเป็นการป้องกันหรือเป็นประโยชน์ในการที่ช่วยติดตามได้ เพราะอย่างร้านทองที่รับซื้อไว้โดยที่ไม่มีเหตุสมควร ผมจะดำเนินคดีในเรื่องของลักทรัพย์ของโจร
ส่วนคนร้ายที่ชิงทองทั้ง 2 ราย ร้อยเวรพนักงานสอบสวน สภ.เมืองระนอง ได้แจ้งข้อกล่าวหา คนร้ายทั้ง 2 รายว่า “ร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทําผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือให้พ้นจากการจับกุม”