รวบแม่บ้านแสบคนสนิท “บลู เอริกา” อดีตนักแสดงสาว แอบขโมยทรัพย์นับล้านขนของหนีหาย

สืบนครบาล รวบ แม่บ้านแสบ คนสนิท “บลู เอริกา” อดีตนักแสดงสาว แอบขโมยทรัพย์นับล้านขนของหนีหาย

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้เร่งรัดปราบปรามอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในสังคม 

เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก สส.ฯ , พ.ต.อ.วิชิต  ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1ฯ,พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผกก.สส.1ฯ ,พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์  รอง ผกก.สส.1ฯ ได้สั่งการให้ พ.ต.ต.คณิตนนท์ ถนอมศรี สว.กก.สส.1ฯ พร้อมชุดปฎิบัติการที่ 4

จับกุมตัวนางสาวบัว อายุ 30 ปี ภูมิลำเนา ตำบลกระสัง อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์บุคคลตามหมายจับศาลอาญา ที่ 3991/2567  ลงวันที่ 26 สิงหาคม 2567 ข้อหา “ลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้างหรือที่อยุ่ในความครอบครองของนายจ้าง” จับกุมหน้าห้องพัก หอพัก ซอยลาดกระบัง 3 ถนน ประชาทร แขวงลาดกระบัง เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร

พร้อมตรวจยึดของกลาง

– แหวนทองคำหัวพลอย 2 วง

– สร้อยคอสีเงิน จี้รูปไม้กางเขนสีเงิน 1 เส้น

พฤติการณ์ นายธัญร์นากร สามีอดีตดาราดัง บลู-เอลิกา เดินทางเข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ไท สว่างจิต รองสารวัตร (สอบสวน) สน.วังทองหลาง เพื่อดำเนินคดีกับแม่บ้าน ในข้อหาลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้างในเวลากลางคืน เหตุเกิดในบ้านพักย่านรามคำแหง กรุงเทพฯ

บลู เอลิกา เล่าว่า รู้จักกับแม่บ้าน มาเป็นเวลานานนับ 10 ปี ซึ่งมาขอความช่วยเหลืออยู่ตลอด ด้วยความเห็นใจที่ลูกยังเล็กและมีลูกถึง 3 คน จึงได้ให้ความช่วยเหลือหางานให้ทำ คือจ้างเป็นแม่บ้านมาคอยทำความสะอาดแบบเช้า-เย็นกลับ

และเมื่อวันที่ 17 ส.ค. 67 สามีได้ตรวจทรัพย์สินมีค่าภายในบ้าน แล้วพบว่า แหวน, สร้อยข้อมือ, สร้อยพร้อมจี้ ได้หายจากที่เก็บของทั้งหมด ซึ่งคิดว่าเป็นแม่บ้านขโมยไป เพราะก่อนหน้านี้เคยมีเหตุให้สงสัย เนื่องจากเมื่อปลายปี 2566 พบว่าเงินหายไปจำนวนหลายพันบาทจากห้องนอน แม้กระทั่งสายชาร์จไอโฟนของแท้ก็หาย และแม่บ้านได้แจ้งว่า จะซื้อมาคืน แต่ก็ไม่ได้ซื้อมาคืน และลักลอบถอดสายกล้องวงจรปิดอยู่เสมอผู้ต้องหาซึ่งเป็นแม่บ้านทำความสะอาดบ้านของผู้เสียหาย

ต่อมาวันที่ 18 ส.ค. 67 แม่บ้านได้เดินทางมาทำงานที่บ้าน ก็ได้พูดคุยกันปกติ สามีกำลังออกจากบ้านเพื่อไปทำงานแต่ลืมโทรศัพท์มือถือไว้บนห้อง จึงได้กลับเข้าบ้านและขึ้นไปบนห้อง พบว่าแม่บ้าน กำลังรื้อค้นทรัพย์สินที่บริเวณหัวเตียงเพื่อที่จะขโมยทรัพย์สินเพิ่ม จึงได้พูดตรงๆ กับแม่บ้านว่า “ให้กลับตัวกลับใจใหม่ เอาของเก่าที่ได้ขโมยไปเอามาคืน” จากนั้นก็ออกจากบ้านไปเพื่อให้โอกาส แต่ทราบต่อมาว่าเมื่อแม่บ้านกลับบ้านของตนที่ย่านอ่อนนุช ก็ได้ขนของหนีออกจากที่พัก และไม่สามารถติดต่อได้อีก

ด้านผู้เสียหายได้ตรวจสอบทรัพย์สินที่หายไปอีกครั้ง เบื้องต้นพบทรัพย์สินที่หายไป จำนวน 4 รายการดังนี้

1. แหวนทองหัวพลอย 2 วง มูลค่า 300,000 บาท

2. แหวนทองคำขาว จำนวน 4 วง มูลค่า 680,000 บาท 

3. กำไรฝังเพชร จำนวน 1 วง มูลค่า 65,000 บาท

4. พลอดเม็ดสีแดง จำนวน 1 วง มูลค่า 120,000 บาท

รวมมูลค่าความเสียหายทั้งหมด 1,165,000 บาท

จึงได้เดินทางไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การสารภาพว่าได้ก่อเหตุลักทรัพย์สินภายในบ้านไปจริง สาเหตุที่ทำไปเพราะมีปัญหาหนี้สินและเป็นหนี้นอกระบบส่วนทรัพย์สินที่เอาไปดังกล่าว ตนได้นำทรัพย์สินไปจำนำกับโรงรับจำนำและคนรู้จัก  แต่ยังมีเหลืออยู่ที่ตนเอง (ของกลาง) แหวนทอง 2 วง และ สร้อยคอรูปกางเขน 1 เส้น จากนั้นได้นำตัวพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ฝากเตือนเป็นอุทาหรณ์ให้กับเจ้าของบ้านหรือที่ทำงาน หนึ่งในปัญหาหนักใจก็คือ จะรู้ได้ไงแม่บ้านที่จ้างมาสามารถเชื่อใจได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เจ้าของบ้านต้องจำเป็นต้องสังเกตพฤติกรรม  และดูประวัติส่วนตัวทั้งภูมิหลังและการทำงาน ด้วยการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมเพิ่มความระมัดระวัง