สืบนครบาล ร่วมสืบ 115 รวบ “บังโอ๋โก๋-อุ้มวิน” จยย. สายโหด ก่อเหตุอุกอาจร่วมกันใช้มีดขอฟันผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บสาหัส
เมื่อวันที่ 1 ก.ย.2567 พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ,พ.ต.อ.ธีรศักดิ์ จันทราพิพัฒน์ รอง ผบก.สส.บช.น. ,พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น.,พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น.ได้สั่งการให้ชุดจับกุม บก.สส.บช.น ประกอบด้วย พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น., ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น รอง สว.กก.สส.4 บก.สส.บช.น., ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพ รอง สว.ฯ, ร.ต.อ.หญิง ณิชญากาญจน์ เปสลาพันธ์ รอง สวฯ, ร.ต.อ.เลิศวริศ เลิศวรปรีชา รอง สว.ฯร่วมกับนักเรียนหลักสูตรการสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 115 ชุดปฏิบัติการที่ 7 ประกอบด้วย ร.ต.อ.ณัฐพงษ์ มาเม่น นว.(สบ 1) ผบก.สอท.3, ร.ต.อ.ญาณเอก ศิรฺสวัสดิบุตร รอง สว.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวนฯ บก.ปส.1 ,ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ อันชูฤทธิ์ รอง สว.(สอบสวน) สน.ดินแดง, ร.ต.ท.ธีรภัทร วิสุทธิธรรม รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองนครศรีธรรมราช, ร.ต.ท.ภูวนัย เนติธรรมกุล รอง สว.กองตรวจสอบภายใน 2 สตส. เจ้าหน้าที่สืบนครบาล ร่วมกับ นักเรียนหลักสูตรการสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 115 จับกุม
1. นายสุรศักดิ์ หรือบังโอ๋ อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาที่ 1 ตามหมายจับศาลอาญาที่ 2985/2567 ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2567
2. นายนราธิป หรือโก๋อุ้ม อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2986/2567 ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2567
กระทำความผิดฐาน “ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น,ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส,ร่วมกันบุกรุกโดยร่วมกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไปในเวลากลางคืน,ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์และพาอาวุธ(มีด)ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร” จับกุมบริเวณลานโล่งปากซอยลาดพร้าว 85 ถ.ลาดพร้าว แขวงคลองถนนสิงห์ เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร
พฤติการณ์กล่าวคือ กลางเดือน มีนาคม 2567 ขณะที่ หญิงสาวคนหนึ่งเดินกลับจากเลิกงานเพื่อจะโดยสารรถจักรยานยนต์รับจ้าง ย่านวังทองหลางเมื่อมาถึงที่บริเวณห่างจากวินประมาณ 700 เมตร นายสุรศักดิ์ หรือ “บังโอ๋ ได้ขับรถมาเทียบท่ารอให้เธอขึ้นรถ แต่ปรากฎด้วยความที่เธอตัวเล็ก และรถจักรยานยนต์ค่อนข้างสูง เธอจึงขอให้เปลี่ยนรถคันใหม่เพราะนั่งไม่สะดวก หลังจากนั้น “บังโอ๋” ขับรถหายไปจากบริเวณดังกล่าวพร้อมกับบอกว่า “เดี๋ยวจะไปตามวินคนอื่นมารับ” แต่ผ่านไป 30 นาที จนเธอรอไม่ไหว ตัดสินใจเดินกลับไปที่วิน และถาม “บังโอ๋” ว่าทำไมถึงไม่มีรถมารับและปล่อยให้เธอต้องยืนรอนาน แต่ปรากฏว่า “บังโอ๋” จนง้างมือฟาดตบเข้าไปที่ใบหน้าของหญิงสาว แต่เธอหลบได้ทัน พร้อมกับวิ่งหลบหนีไป และโทรศัพท์เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้แฟนของเธอได้ฟังและเดินทางมาที่เกิดเหตุ
จากนั้นได้เกิดการโต้เถียงกัน “บังโอ๋ กับลูกน้อง “โก๋อุ้ม จัดการรุมสาวหมัดเข้าซัดผู้เสียหายผู้พ่อจนล้มลงไปกองกับพื้น หลังจากนั้น“โก๋อุ้ม” กลับมาพร้อมกับอาวุธมีดขอยาวประมาณ 80 ซม. พร้อมกับหยิบอาวุธมีดหัวตัด ยาวประมาณ 100 ซม. โยนมาให้กับ “บังโอ๋” ใช้เป็นอาวุธ จนสองพ่อลูกวิ่งหนีหลบเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในบ้าน แต่ปรากฎว่าผู้เสียหายคนลูกวิ่งหนีเข้าไปในบ้านไม่ทัน จึงซุกตัวอยู่ข้างรถจักรยาน แต่พ่อ ลืมอันตรายทุกอย่างที่ขวางหน้าคว้าอาวุธมีด วิ่งไปช่วยลูก จนเกิดการปะทะดาบกันจนมีดดาบของผู้เสียหายที่เล็กกว่านั้น หักลงครึ่งท่อน และเป็นเหตุให้กระดูกนิ้วมือของผู้เสียหายแตกละเอียดจนได้รับบาดเจ็บ แต่ยังตัดสินใจคว้ามือลูกวิ่งต่อ จนสามารถหนีกลับเข้าไปหลบในบ้านได้
บังโอ๋ และโก๋อุ้ม” เดินวนเวียนเอามีดดาบลากพื้นครืดไปมา ตะโกนท้าทายทั้ง 2 คน ตลอดเวลา “พวกมึงแน่จริงก็ออกมา กูจะฟันให้หัวแบะเลย” โก๋อุ้มตะโกนสบถท้าทายอย่างหยาบคาย พร้อมกับใช้มีดดาบสับเบาะรถจักรยานยนต์ที่จอดทิ้งไว้หน้าบ้าน ทั้งสองคนพ่อลูกเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย จนล่าสุดพนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 รายนี้ไว้แล้ว พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้รับรายงานเหตุดังกล่าว และเห็นว่าหากปล่อยให้ คนร้ายที่มีพฤติการณ์อุกอาจ สั่งการส่งชุดสืบสารวัตรแจ๊ะ ยกโขยงลูกศิษย์ หลักสูตรสืบสวนคดีอาญารุ่นที่ 115 ชุดที่ 7 ทั้ง 5 ชีวิต ลงพื้นที่สืบสวนจับกุมบังโอ๋และโก๋อุ้ม”
ในชั้นจับกุม “บังโอ๋ และโก๋อุ้ม” ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเองยืนยันว่าฝ่ายผู้เสียหายเป็นคนหาเรื่องก่อน จากการไม่พอใจที่ตนปล่อยให้ผู้หญิงที่เป็นเมียของผู้เสียหายต้องรอรถนาน เมื่อบังโอ๋โดนต่อย โก๋อุ้มซึ่งเป็นน้องเลยต้องมาช่วย แต่ในส่วนที่กลับไปหยิบอาวุธมาใช้ทำร้ายผู้เสียหายนั้น ตนเองยืนยันว่าพวกของตนไม่ได้ฟันผู้เสียหายแบบสับเป็นหมู แต่ฟันแค่ระยะประชิดเพื่อป้องกันตัว” หลังจับกุมตัว ได้นำตัว นายสุรศักดิ์ และนายนราธิป ส่งพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “เรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหาทั้ง 2 รายนี้ เนื่องจากพยานหลักฐานที่มีค่อนข้างแน่นหน้าและรัดกุม ประกอบกับผู้เสียหายในคดีนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส พฤติการณ์ของคนร้าย 2 คนนี้ ถือได้ว่าเป็นภัยต่อสังคม เพราะคนร้ายเป็นวินจักรยานยนต์รับจ้าง ทั้ง 2 คน เป็นอาชีพที่ประชาชนทั่วไปต้องสัมผัสเป็นประจำทุกวัน จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่มีข้อมูลหรือพบเห็นวินจักรยานยนต์หรือคนขับรถโดยสารประเภทอื่น มีพฤติกรรมรุนแรงและอุกอาจเช่นนี้ โปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB” เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมให้คำแนะนำตลอด 24 ชั่วโมง เพราะแม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.”