ตร.ไซเบอร์ รวบสาวแสบ เครือข่ายหลอกลงทุนหุ้นต่างประเทศ ลวงชายสูงวัย สูญเงินกว่า 35 ล้านบาท พบโยงคดีอื่นอีกกว่า 65 เคส
สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อตำรวจไซเบอร์ ว่าตนเองได้ถูกคนร้ายหลอกลวงให้ลงทุนหุ้นต่างประเทศโดยอ้างว่าจะให้ผลตอบแทนสูง ผ่านทางเว็บไซต์ Hysuncapital.com หรือ แอปพลิเคชันชื่อ “Hysun” ซึ่งผู้เสียหายที่เป็นชายสูงอายุรายหนึ่ง ได้หลงเชื่อและโอนเงินไปจำนวน 25 ครั้ง รวมมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้น จำนวน 35,125,421.98 บาท
ต่อมา พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 จัดเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าว พบว่าคดีนี้ได้มีความเชื่อมโยงกับคดีอื่นในลักษณะเดียวกันอีก
กว่า 65 คดี จนพนักงานสอบสวนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาได้กว่า 19 ราย
กระทั่ง พ.ต.อ.พิเชียรยศ อรุณพันธกุล ผกก.1 บก.สอท.1 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ติดตามจับกุมผู้ต้องหากลุ่มดังกล่าว และสามารถเข้าควบคุมตัว น.ส.วราภรณ์ (ขอสงวนนามสกุล ) อายุ 32 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร และ น.ส.ศรัณยา (ขอสงวนนามสกุล ) อายุ 30 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น , โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และสมคบกันโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน” โดยควบคุมตัวได้ที่บริเวณภายในซอย เขตบางกอกน้อย และเขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร
เบื้องต้น น.ส.วราภรณ์ฯ ยอมเปิดเผยว่าเมื่อประมาณปี 2566 ได้มีรุ่นพี่แถวบ้านชักชวนให้เปิดบัญชีเพื่อร่วมลงทุนทอง โดยให้ค่าตอบแทนการใช้บัญชีดังกล่าวเป็นรายสัปดาห์ สัปดาห์ละ 1,000 – 2,000 บาทหรือแล้วแต่กำไรที่ได้ เนื่องจากตอนนั้นตนยังอยู่ในช่วงว่างงาน และรุ่นพี่แจ้งว่าจะใช้บัญชีแค่ 15 วัน ตนจึงได้ตอบตกลงและเปิดบัญชีธนาคารให้ พร้อมมอบบัญชี บัตร ATM และซิมการ์ดที่ผูกธนาคารทั้งหมดให้
ส่วน น.ส.ศรัณยา เปิดเผยว่า เมื่อประมาณปี 2566 ได้มีเพื่อนของตนที่รู้จักกันมานาน ได้มาขอยืมบัญชี เพื่อนำไปเล่นพนันออนไลน์ (สล๊อต) โดยแจ้งว่าจะให้ค่าตอบแทนบัญชีละ 1,400 บาท ตนจึงยินยอมและให้เพื่อนพาไปเปิดบัญชีธนาคาร จำนวน 1 บัญชี พร้อมบัตรเอทีเอ็ม
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมเร่งขยายผลจับกุมผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป