รวบรถลักลอบขนคนต่างด้าว หลบหนีเข้าไร่อ้อยแต่ไม่รอด

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบรถลักลอบขนคนต่างด้าว หลบหนีเข้าไร่อ้อยแต่ไม่รอด พบต่างด้าวเข้ามา ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต รวม 11 คน

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น  รอง.ผบก.ป. ช่วยราชการ รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.สุขสวัสดิ์ คูสิทธิผล รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.เอกนิรุจฒิ์ วันสิริภักดิ์ ผกก.1 บก.ทล., พ.ต.ท.ธัช โพธิ์สุวรรณ รอง.ผกก.1 บก.ทล., พ.ต.ท.นาวิน คงสว่าง รอง ผกก.1 บก.ทล.

เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.4 กก.1 บก.ทล.(นครสวรรค์) นำโดย พ.ต.ต.เชษฐ์ศุภากร พิริยะพงษ์พันธ์ สว.ส.ทล.4 กก.1 บก.ทล. พร้อมข้าราชการตำรวจ ส.ทล.4 กก.1 บก.ทล.

เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.(อยุธยา) นำโดย พ.ต.ท.ปภินวิทย์ อุดมพร สว.ส.ทล.1 กก.1 พร้อมข้าราชการตำรวจ ส.ทล.6 กก.1 บก.ทล.

ได้ทำการจับกุม

1. นายสุชาติฯ อายุ 37 ปี ผู้ถูกจับที่ 1 (ผู้ขับขี่)

2. ผู้ถูกจับที่ 2-12 บุคคลต่างด้าว สัญชาติเมียนมา

โดยกล่าวหาว่า ผู้ถูกจับที่ 1 “ซ่อนเร้นหรือช่วยเหลือหรือช่วยด้วยประการใดๆ ให้คนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเพื่อให้พ้นจากการจับกุม”

ผู้ถูกจับที่ 2 – 12 “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”

สถานที่จับกุม บริเวณ กม.59 ทล.11 ม.5 ต.หนองหลวง อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์

พฤติการณ์ สืบเนื่องจาก กก.1 บก.ทล. ได้มีการกวดขันจับกุมแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายและผู้นำพาในเส้นทางพื้นที่กองกำกับการ 1 อยู่บ่อยครั้ง พ.ต.อ.เอกนิรุจฒิ์ วันสิริภักดิ์ ผกก.1 บก.ทล. จึงได้สั่งการให้มีการสืบสวนถึงเส้นทางที่มีการลักลอบขนคนต่างด้าวผิดกฎหมายเข้ามาในพื้นที่ชั้นใน โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.4 กก.1 บก.ทล.(นครสวรรค์) และ ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.(พระนครศรีอยุธยา)                  บูรณาการร่วมกันสืบสวนในพื้นที่รับผิดชอบ จนกระทั่ง ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สำรวจเส้นทาง ทล.11 กม.59-63 พบ รถยนต์กระบะ จำนวน 1 คัน ขับขี่มาด้วยความเร็วสูง และมีน้ำหนักมากกว่ารถยนต์ปกติ เจ้าหน้าที่จึงได้ขับขี่ติดตามอย่างกระชั้นชิด พบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์ทอง สีเทา

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งสัญญาณไฟกระพริบสีแดงและใช้สัญญาณเสียงรวมถึงการพูดออกคำสั่งผ่านไมโครโฟนเรียกรถยนต์ดังกล่าวให้หยุด จนกระทั่งมาถึง บริเวณ ทล.11 กม.59 ต.หนองหลวง อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ ผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวไม่ยอมหยุดจึงได้เลี้ยวหลบหนีเข้าไปถนนข้างทางซึ่งเป็น ไร่อ้อย ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามจนสามารถสกัดรถคันดังกล่าวได้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอทำการตรวจสอบพร้อมกับได้แสดงความบริสุทธิ์ใจจนเป็นที่พอใจแล้ว พบนายสุชาติฯ แสดงตนเป็นผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าว โดยพบมีบุคคลต่างด้าว สัญชาติเมียนมา จำนวน 11 คน โดยสารมากับรถยนต์

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชิญผู้ถูกจับกุมพร้อมรถยนต์คันดังกล่าว มาตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียดอีกครั้งที่หน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงท่าตะโก จ.นครสวรรค์ ต.หนองหลวง อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ พบว่า ผู้ถูกจับที่ 2-12 เป็นคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางแต่อย่างใดแสดง โดยผู้ถูกจับนั่งโดยสารมาในรถยนต์คันดังกล่าว จากการสอบถามผู้ถูกจับที่ 1 ให้การยอมรับว่าได้รับการประสานจากชายไทย (ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง) ให้ไปรับแรงงานต่างด้าวจำนวน 11 คน ที่บริเวณ พื้นที่ ต.นาโบสถ์อ.วังเจ้า จ.ตาก เพื่อไปส่งปลายทางที่ อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ โดยได้ค่าจ้าง 1,500 บาทต่อคน และรับว่าได้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวบรรทุกแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองมาจริง และตนรู้ดีอยู่แล้วว่าแรงงานต่างด้าวดังกล่าวไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารแทนหนังสือเดินทางใดๆ และยินยอมที่จะนำพามาส่งที่ปลายทาง จนกระทั่งมาถูกตำรวจทางหลวงเรียกตรวจสอบ เงินค่าจ้างที่ได้มาจะนำไปเที่ยวและใช้จ่ายต่างๆ และสอบถามบุคคลต่างด้าวที่ถูกจับ ผ่านล่ามแปลภาษาเมียนมาให้การยอมรับว่า ได้ลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติและเดินข้ามมา ในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก และจะมีคนพาออกมาขึ้นรถที่นำพา เพื่อจะเข้ามาหางานทำในประเทศไทย โดยเสียค่าใช้จ่าย จำนวน 16,000 – 25,000 บาท จากนั้นจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางและนำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรท่าตะโก ภ.จว.นครสวรรค์ ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาจำนวน 12 คน ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา