ตามนโยบายของ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้สืบนครบาลทำการแกะรอยสืบสวนหมายจับที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้เสียหายในสังคม จนทำให้ทราบว่ามีคดีที่ผู้เสียหาย ถูกผู้ต้องหาที่อยู่ใกล้บ้านล่วงละเมิดผู้เสียหายที่มีความบกพร่องทางจิต จึงได้รายงานให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ทราบ จากนั้นจึงได้สั่งการกระชับให้ พ.ต.อ.อรรชวศิษฎ์ ศรีบุญยมานนท์ ผกก.สส.3ฯ ให้รีบดำเนินการจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้ให้ได้โดยเร็ว ไม่ให้เป็นภัยสังคม
เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2567 เวลา 17.30 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.อิสเรศ ปาลาพงศ์, พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก สส.ฯ, พ.ต.อ.อรรชวศิษฎ์ ศรีบุญยมานนท์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.วิโรฒ จนุบุษย์ และ พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.สส.3ฯ ได้สั่งการให้ พ.ต.ต.วรุตม์ คำหล้า สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. พร้อมด้วย ร.ต.อ.พิชชากร กองสวัสดิ์ ,ร.ต.อ.พงศธร อารีย์ รอง สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น., ด.ต.ประเทศ ช่อลำเจียก,จ.ส.ต.ภานุพงศ์ เวฬุวนารักษ์, ส.ต.อ.อวิรุทธ์ เนียมบุญเจือ, ส.ต.อ.นิติสิทธิ์ โชติคุต, ส.ต.อ.พลภัทร ปรีชา ผบ.หมู่ กก.สส.3 บก.สส.บช.น. ชุดปฏิบัติการที่ 3 ร่วมกับ สืบสวน สน.พระขโนง ดำเนินการ จับกุมตัวนายสุชิ อายุ 65 ปี ตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง ที่ 350/2567 ลงวันที่ 20 มิ.ย. 2567
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ข่มขืนกระทำชำเรา โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถไม่ขัดขืนได้ อันเป็นการกระทำต่อหน้าธารกำนัล และเป็นการกระทำแก่บุคคลซึ่งไม่สามารถปกป้องตนเองอันเนื่องมาจากเป็นผู้มีจิตบกพร่อง,กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปี โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ อันเป็นการกระทำตาอหน้าธารกำนัล และเป็นการกระทำแก่บุคคลซึ่งไม่สามารถปกป้องตนเองอันเนื่องมาจากจิตบกพร่อง,พาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจาร โดยใช้อุบายหลอกลวงขู่เข็ญ“ จับกุม บริเวณหน้าบ้าน ซอยพึ่งมี 50/36 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม.
พฤติการณ์กล่าวคือ เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2567 ก่อนเกิดเหตุ ผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้บกพร่องทางจิต ไปซื้อถ่านเพี่อย่างหมูที่ร้านขายของอยู่เป็นประจำ ต่อมาเวลาประมาณ 12.00 น. พี่สาวของผู้เสียหายได้พบว่าผู้เสียหายถือถุงน้ำอัดลมเดินกลับมา จึงได้สอบถามว่าใครซื้อให้ ทราบว่า นายสุชิน หรือโก๋ อายุ 65 ปี ผู้ต้องหา ซึ่งอาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงบ้านพักของผู้เสียหายเป็นผู้ซื้อให้ และสอบถามต่อไปอีก จึงทำให้ทราบว่า นายโก๋ฯได้ทำอนาจารโดยการจับหน้าอกแล้วให้เงินไปซื้อน้ำอัดลมเป๊ปซี่ และเคยล่วงละเมิดผู้เสียหาย ซึ่งทำให้ได้รับความเสียหาย จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย จนพนักงานสอบสวนได้รวบรวมหลักฐานและขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหา
ในชั้นจับกุมสอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าตนรู้จักและสนิทกับผู้เสียหายมานานเนื่องจากพักอาศัยอยู่ใกล้กัน อ้างว่าไม่ทราบว่าผู้เสียหายมีความบกพร่องทางจิต ยอมรับว่าวันที่เกิดเหตุได้ใช้มือจับที่หน้าอกผู้เสียหายจริงเพราะสนิทกัน แต่ไม่ได้ล่วงละเมิดผู้เสียหายแต่อย่างใด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้ปักใจเชื่อเพราะค้านกับพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ จากนั้นได้นำตัวส่ง สน.พระโขนง ดำเนินคดีต่อไป
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า คดีนี้เกิดขึ้นกับผู้เสียหายที่เป็นผู้อ่อนแอทั้งทางร่างกายและจิตใจ ไม่สามารถป้องกันตนเองได้ เป็นสิ่งรับไม่ได้กับพฤติการณ์ที่เกิดขึ้น และเป็นอันตรายต่อสังคม แต่ก่อนเรามักจะเข้าใจว่าเหตุการณ์ล่วงละเมิดทางเพศมักจะต้องเกิดขึ้นในที่เปลี่ยว เวลากลางคืนเท่านั้น แต่ยังมีความเป็นจริงอีกส่วนที่เหยื่อมักจะถูกกระทำโดยบุคคลที่รู้จัก หรือคุ้นเคย เพราะบุคคลเหล่านี้มักจะใช้โอกาสนี้ในการเข้าใกล้เหยื่อเพื่อล่วงละเมิดทางเพศ ดังนั้นผู้ปกครองควรใส่ใจ และคอยดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เรื่องอันเลวร้ายนี้เกิดขึ้นในครอบครัวของตนเอง