ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ไล่ล่าต่างด้าวจนมุมป่ามัน กว่า 23 ราย

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล., พ.ต.อ.สุขสวัสดิ์ คูสิทธิผล รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป. ช่วยราชการ บก.ทล., พ.ต.อ.เอกนิรุจฒิ์ วันสิริภักดิ์ ผกก.1 บก.ทล.

เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงชุดจับกุม ส.ทล.3 กก.1 บก.ทล.(ลพบุรี) นำโดย พ.ต.ต.พิฆเนศ เตรียมเกิดทรัพย์ สว.ส.ทล.3 กก.1 บก.ทล., ร.ต.อ.นิพันธ์ อำพันดี, ร.ต.อ.นราวิชญ์ เดชคง รอง สว.ส.ทล.3 กก.1 บก.ทล., ร.ต.อ.สมโภช แทนขำ รอง สว.(ป) ส.ทล.3 กก.1 บก.ทล., ด.ต.ถนอม ทองเพชร, ด.ต.ศักดิ์ชัย แสนสุข, ด.ต.อัครเดช เพ็งนวม, ด.ต.มานะ พจนสิทธิ์, จ.ส.ต.ภาณุพงษ์ ต่วนชะเอม ผบ.หมู่ ส.ทล.3 กก.1 บก.ทล.

เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงชุดจับกุม ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.(อยุธยา) นำโดย พ.ต.ท.ปภินวิทย์ อุดมพร สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล., ร.ต.อ.เอกชัย ขุมเพ็ชร, ร.ต.อ.เชาวลิต สีดำ รอง สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล., ด.ต.สมศักดิ์ จันทาทอง, ด.ต.ยศภัทร อินต๊ะ, ด.ต.วิชัย ตามสมัย ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.

ร่วมกันจับกุม

1.นายจิรยุทธฯ ​​อายุ 33 ปี ​ผู้ต้องหาที่ 1
2.นาย ซู ออง ​​อายุ 27 ปี ​สัญชาติเมียนมา ​ผู้ต้องหาที่ 2
3.นาย นอ นอ แระ​อายุ 25 ปี​สัญชาติเมียนมา ​ผู้ต้องหาที่ 3
4.นาย ลู มัว ​​อายุ 22 ปี ​สัญชาติเมียนมา ​ผู้ต้องหาที่ 4
5.นาย ไน ซู ​​อายุ 28 ปี ​สัญชาติเมียนมา ​ผู้ต้องหาที่ 5
6.นาง อี เมียง ฮุย ​อายุ 26 ปี ​สัญชาติเมียนมา ​ผู้ต้องหาที่ 6
7.นาง ซา มอ ​​อายุ 34 ปี ​สัญชาติเมียนมา ​ผู้ต้องหาที่ 7
8.นาง แคม มา ชู ​อายุ 35 ปี ​สัญชาติเมียนมา ​ผู้ต้องหาที่ 8
9.นาง ชู ยู นา ​​อายุ 26 ปี ​สัญชาติเมียนมา ​ผู้ต้องหาที่ 9
10.นาง เอ อิ ออง ​อายุ 27 ปี ​สัญชาติเมียนมา ​ผู้ต้องหาที่ 10
11.นาง อิตาล ดา ไล​อายุ 31 ปี ​สัญชาติเมียนมา ​ผู้ต้องหาที่ 11
12.นาง นา มุน เด ​อายุ 36 ปี ​สัญชาติเมียนมา ​ผู้ต้องหาที่ 12
13.นาย ขุด ทุย ​​อายุ 22 ปี ​สัญชาติเมียนมา ​ผู้ต้องหาที่ 13
14.นาย นี ยา ดิง ​อายุ 27 ปี ​สัญชาติเมียนมา ​ผู้ต้องหาที่ 14
15.นาง ปอ ฟา ​​อายุ 27 ปี ​สัญชาติเมียนมา ​ผู้ต้องหาที่ 15
16.นาง ซา ซา มู ​อายุ 31 ปี ​สัญชาติเมียนมา ​ผู้ต้องหาที่ 16
17.นาง นี นุย ซี มิ ​อายุ 24 ปี ​สัญชาติเมียนมา ​ผู้ต้องหาที่ 17
18.นาย ชะ เอ อุ ​อายุ 19 ปี ​สัญชาติเมียนมา ​ผู้ต้องหาที่ 18
19.นาย นี เย ทุ ​​อายุ 19 ปี ​สัญชาติเมียนมา ​ผู้ต้องหาที่ 19
20.นาย ตุ ยะ ​​อายุ 39 ปี ​สัญชาติเมียนมา ​​ผู้ต้องหาที่ 20
21.นาย ตี ยา โฮ ​อายุ 25 ปี ​สัญชาติเมียนมา ​​ผู้ต้องหาที่ 21
22.นาย เต ชุ อู ​​อายุ 25 ปี ​สัญชาติเมียนมา ​ผู้ต้องหาที่ 22
23.นาย ออง ซา ฮุย ​อายุ 29 ปี ​สัญชาติเมียนมา ​ผู้ต้องหาที่ 23
24.นาย เท เวะ ​​อายุ 30 ปี ​สัญชาติ เมียนมา ​ผู้ต้องหาที่ 24

ฐานความผิด

ผู้ต้องหาที่ 1 กระทำความผิดฐาน “ซ่อนเร้น หรือช่วยเหลือด้วยประการใดๆ ให้บุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมายเพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม”

ผู้ต้องหาที่ 2-24 กระทำความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต”

พร้อมตรวจยึดของกลาง
1.รถยนต์ส่วนบุคคล ยี่ห้อ อีซูซุ สีขาว
2.รถยนต์ส่วนบุคคล ยี่ห้อ มิตซูบิชิ สีขาว
3.กุญแจรถยนต์ส่วนบุคคล ยี่ห้อ อีซูซุ สีขาว จำนวน 1 ดอก
4.โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ ออปโป้ สีขาวมุก จำนวน 1 เครื่อง
5.โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ ซัมซุง จำนวน 1 เครื่อง

จับกุมบริเวณริมทางสาธารณะ ถนนหมายเลข 2321 หมู่ 7 ต.นิยมชัย อ.สระโบสถ์ จ.ลพบุรี ต่อเนื่องบริเวณไร่มันสำปะหลัง หลังวัดแห่งหนึ่ง ม.6 ต.นิยมชัย อ.สระโบสถ์ จ.ลพบุรี พฤติการณ์ ตามนโยบายของรัฐบาล และผู้บังคับบัญชาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ให้ออกกวดขันปราบปรามอาชญากรรมทุกประเภท ตลอดจนจับกุมดำเนินคดีผู้กระทำผิดกฎหมายอาญา ตลอดจนกวดขันจับกุมแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ในเขตพื้นที่รับผิดชอบของ กก.1 บก.ทล. เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.3 กก.1 บก.ทล. (ลพบุรี), เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.(อยุธยา) บูรณาการร่วมกัน สืบสวนในพื้นที่รับผิดชอบ ได้รับแจ้งจากสายลับ แจ้งว่าจะมีขบวนการขนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยได้เดินทางมาจาก อ.ลานหอย จ.สุโขทัย มุ่งหน้าสู่ อ.บางปะอิน จ.อยุธยา ผ่านทาง จ.ลพบุรี บริเวณทางหลวงหมายเลข 3326 ต.นิยมชัย อ.สระโบสถ์ จ.ลพบุรี ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ร่วมกันมาถึงบริเวณทางหลวงหมายเลข 3326 ต.นิยมชัย อ.สระโบสถ์ จ.ลพบุรี ได้พบรถยนต์ต้องสงสัยเป็นรถยนต์ ยี่ห้อ อีซูซุ สีขาว และ ยี่ห้อ มิตซูบิชิ สีขาว ซึ่งเป็นรถตามเบาะแสที่ได้รับแจ้งจากสายลับ ขับผ่านมาในลักษณะใช้ความเร็วสูง ซึ่งรถยนต์ทั้งสองคันดังกล่าว ได้แยกกันหลบหนีโดยใช้ทางหลวงหมายเลข 2321 มุ่งหน้า อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี ต่อมา บริเวณริมทางสาธารณะ ทางหลวงหมายเลข 2321 หมู่ 7 ต.นิยมชัย อ.สระโบสถ์ จ.ลพบุรี เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ร่วมกันแสดงตัว ให้สัญญาณหยุดรถ ตลอดจนสกัดกั้น เพื่อหยุดรถยนต์ เมื่อรถคันดังกล่าวหยุด เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ร่วมกันแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตำรวจเพื่อขอทำการตรวจสอบและตรวจค้น พบนายจิรยุทธฯ ผู้ต้องหาที่ 1 เป็นผู้ขับขี่ โดยมีผู้ต้องหาที่ 2-12 นั่งโดยสารมากับรถยนต์คันดังกล่าว ต่อเนื่องเรื่อยมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ติดตามรถยนต์ยี่ห้อ มิตซูบิชิ สีขาวที่หลบหนีมาบนทางหลวงหมายเลข 2321 ได้ใช้เส้นทางหลบหนีเข้ามายังบริเวณหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ต.นิยมชัย อ.สระโบสถ์ จ.ลพบุรี จนกระทั่งพบรถยนต์ยี่ห้อ มิตซูบิชิ สีขาว จอดอยู่บริเวณท้ายป่ามันสำปะหลัง หมู่บ้านดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ปิดล้อมพื้นที่พร้อมวางกำลังตรวจค้นพื้นที่ดังกล่าวโดยละเอียด ผลปรากฏพบผู้ต้องหารายที่ 13 -24 หลบซ่อนอยู่ในพงหญ้าท้ายป่ามันสำปะหลัง หมู่บ้านดังกล่าว

สอบถามผู้ต้องหาที่ 1 ให้การว่าได้ไปรับแรงงานต่างด้าว (ผู้ถูกจับที่ 2 – 12) ที่บริเวณริมถนนข้างทาง อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก โดยได้รับค่าจ้างเที่ยวละ 15,000 บาท ผู้ถูกจับที่ 1 ยังรับต่อว่าได้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวบรรทุกแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองมาจริงและตนรู้ดีอยู่แล้วว่าแรงงานต่างด้าวดังกล่าวไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารแทนหนังสือเดินทางแต่อย่างใดและยินยอมที่จะนำพามาส่งที่ปลายทาง (จังหวัดพระนครศรีอยุธยา) จนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตรวจสอบ และได้สอบถามผู้ถูกจับที่ 2 – 24 ให้การยอมรับว่า ตนเองพร้อมพวกจำนวน 23 คน ได้ลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติและเดินข้ามมาในพื้นที่ อำเภอแม่สอด จังหวัดตากและจะมีคนพาออกมาขึ้นรถที่นำพาเพื่อจะเข้ามาหางานทำในประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาพร้อมแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ ผู้ต้องหาทั้ง 24 คน ทราบแล้ว ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จากนั้นจึงควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรสระโบสถ์ ภ.จว.ลพบุรี เพื่อดำเนินคดี ตามกฎหมายต่อไป สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา​

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ฝากเตือนภัยประชาชน ตำรวจสอบสวนกลางมีนโยบายกวดขันปราบปรามอาชญากรรมทุกประเภท ตลอดจนจับกุมดำเนินคดีผู้กระทำผิดกฎหมายอาญา ตลอดจนกวดขันจับกุมแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายอย่างเข้มงวด หากฝ่าฝืนมีโทษหนัก