เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. พล.ต.ต.ประสงค์ อานมณี ผบก.น.9 พ.ต.อ.ธีระชัย เด็ดขาด รอง ผบก.น.9 สั่งการให้ พ.ต.อ.ธิติพงษ์ สียา ผกก.สส.บก.น.9 พ.ต.ท.ประทีป กาวิน พ.ต.ท.นราธิป คงเพ็ชร์ พ.ต.ท.วรวิทย์ จันทร์วรศิริ รอง ผกก.สส.บก.น.9 พ.ต.ท.ธนโชติ นุ้ยเล็ก สว.สส.กก.บก.น.9 นำกำลังเจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.9 เข้าจับกุมนายชนภัช หรือเหน่ง อายุ 44 ปี ชาวบางบอน กทม. พร้อมของกลาง ยาบ้า จำนวน 60,000 เม็ด, ยาไอซ์ – ยาอี น้ำหนักรวม 521.8 กรัม, โคเคน น้ำหนัก 35.2 กรัม และยาแฮปปี้วอเตอร์ชนิดผง จำนวน 24 ซอง โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าคอนโดการเคหะxxx (ซอยการไฟฟ้า) ถนนพระราม 2 ซอย 60 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพ ฯ ต่อเนื่องภายในห้องเลขที่ 8xx/xx อาคารเอ 1 คอนโดการเคหะxxx (ซอยการไฟฟ้า) ถนนพระราม 2 ซอย 60 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.67 เวลาประมาณ 16.20 น.
สืบเนื่องจากก่อนเกิดเหตุ พ.ต.ท.ธนโชติ นุ้ยเล็ก สว.สืบสวน บก.น.9 รับแจ้งจากสายลับ และทำการสืบสวนทราบว่า นายเหน่ง อายุประมาณ 40-45 ปี ลักลอบจำหน่ายยาเสพติด เจ้าหน้าที่จึงทำการสืบสวนและเฝ้าติดตามดูพฤติการณ์เรื่อยมา ต่อมาทราบชื่อจริงว่า นายชนภัช พักอาศัยอยู่ภายใน คอนโดการเคหะxxx โดยนายเหน่ง มักจะทำการส่งพัสดุซึ่งเชื่อว่าจะทำการซุกซ่อนยาเสพติดไว้ภายใน
ต่อมาวันที่ 15 มิ.ย. เวลาประมาณ 16.20 น. ขณะเจ้าหน้าที่ซุ่มดูพบเห็นนายเหน่ง ได้ทำการแบกกล่องกระดาษของกลางขนาดใหญ่ เดินลงมาจาก อาคารเอ 1 คอนโดการเคหะxxx จากลักษณะการอุ้มเหมือนจะยกสิ่งของที่มีน้ำหนักมาก เจ้าหน้าที่เชื่อว่าน่าจะมีการซุกซ่อนยาเสพติดไว้ภายในกล่องกระดาษดังกล่าว จึงได้ทำการแสดงตัวเพื่อขอเข้าทำการตรวจสอบ ระหว่างนั้นนายเหน่ง ได้พยายามที่จะวางสิ่งของดังกล่าว แล้วจะทำการหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงติดตามและเข้าควบคุมตัวทันที
จากการสอบสวนนายเหน่ง ให้การยอมรับว่า ตนเองคือนายชนภัช หรือเหน่ง พร้อมกับยอมรับว่า จะนำยาบ้าซึ่งซุกซ่อนในกล่องพัสดุขนาดใหญ่ไปทำการส่งมอบให้กับลูกค้า โดยมียาบ้าประมาณ 60,000 เม็ด (30 มัด) ทำการซุกซ่อนอยู่ภายในตู้ลำโพง พร้อมกับนายเหน่ง ได้สมัครเปิดตู้ลำโพงให้กับเจ้าหน้าที่ดู โดยนายเหน่ง ยังรับว่าทำการส่งมอบยาบ้า ซึ่งมีลักษณะเป็นก้อนพันด้วยกระดาษไขสีเหลือง ห่อด้วยกระดาษคาร์บอน ซึ่งห่อด้วยพลาสติกใสอีกชั้นอย่างหนาแน่น จำนวน 10 ก้อน ซึ่งภายในแต่ละก้อนพบเป็นยาบ้าแบ่งบรรจุจำนวน 3 มัด มัดละ 10 ถุง รวมจำนวน 30 ถุง แบ่งออกเป็นถุงพลาสติกสีม่วง จำนวน 27 ถุง และถุงพลาสติกสีชมพู จำนวน 3 ถุง โดยแต่ละถุงบรรจุยาบ้าชนิดกลมแบนสีแดง จำนวน 198 เม็ด ยาบ้าชนิดเม็ดกลมแบนสีเขียว จำนวน 2 เม็ด รวมจำนวน 200 เม็ด รวมเป็นยาบ้าทั้งสิ้น 60,000 เม็ด
นายเหน่ง ยอมรับสารภาพอีกว่าเป็นยาบ้าของตนเอง ที่จะนำไปส่งมอบให้กับลูกค้า โดยจะไปทำการส่งทางพัสดุกับผู้ให้บริการ ตามที่นายกอล์ฟ (ไม่ทราบชื่อนามสกุล) ซึ่งเป็นเพื่อนรู้จักกันในเรือนจำคลองเปรม เป็นคนชักชวนให้มาทำการลักลอบจำหน่ายยาเสพติด โดยจะให้คนติดต่อมาในการซื้อขายจำหน่าย ซึ่งจะทำการติดต่อทางโทรศัพท์ฯ และทางระบบแอปฯไลน์ ซึ่งใช้ชื่อว่า “Moo Yai” ซึ่งนายเหน่งจะใช้โทรศัพท์ของกลางทั้งสองเครื่องในการติดต่อ และยอมรับว่ายังมียาเสพติดของกลางอยู่ภายในห้องพักของตนเองอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งอยู่ภายในอาคารดังกล่าวจึงพาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปทำการตรวจยึดยาเสพติดดังกล่าว
เมื่อไปถึงที่บริเวณห้องเลขที่ 8xx/xx อาคารเอ 1 คอนโดการเคหะxxx (ซอยการไฟฟ้า) ถนนพระราม 2 ซอย 60 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพ ฯ ซึ่งนายเหน่ง ยืนยันว่าเป็นห้องพักของตนเอง จากการตรวจค้นบริเวณตู้เสื้อผ้าภายในห้องนอนของนายเหน่ง และทำการชี้ยืนยันว่ายาเสพติดซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องกระดาษ ซึ่งภายในซุกซ่อนแฮปปี้วอเตอร์ของกลาง บรรจุอยู่ในซองสีดำเขียนภาษาอังกฤษ “Supreme” จำนวน 24 ซอง และถุงพลาสติกสีดำ ซึ่งภายในซุกซ่อน ยาไอซ์ของกลางและยาอี (สารตั้งต้น) บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสขนาด 13×20 ซม. และโคเคน ของกลาง ห่ออยู่พลาสติกใส ทั้งนี้นายเหน่ง ให้การยอมรับว่ายาเสพติดของกลางดังกล่าว เป็นของตนเอง ที่มีไว้เพื่อจำหน่ายให้กับลูกค้า
จากการตรวจสอบประวัตินายเหน่ง พบว่าเคยถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับยาเสพติด รวม 5 คดี ปี 2542,2544,2546,2547 ถูกจับข้อหาครอบครองยาเสพติด (เมทเเอมเฟตามีน) โดยทั้ง 4 คดี ท้องที่ สน.ภาษีเจริญ และ ปี 2556 คดีครอบครองเพื่อจำหน่าย ฯ ยาเสพติด(เมทเเอมเฟตามีน,ไฮโดรคลอไรด์) ท้องที่ สน.บางขุนเทียน กระทั่งมาถูกจับในคดีนี้
เบื้องต้นนายเหน่งให้การรับสารพภาพตลอดข้อกล่าวหาจึงถูกแจ้งข้อหา”จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า,ไอซ์,ยาอี และแฮปปี้วอเตอร์) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยกระทำเพื่อการค้า โดยก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป และจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยกระทำเพื่อการค้า” ก่อนนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม เพื่อดำเนินคดีต่อไป.