รมต.ดีอี พร้อม ผบช.สอท. นำทีมบุกค้น 7 จุด ขยายผลจับแก๊งฟอกเงิน Hybrid Scam ยึดทรัพย์สินกว่า 220 ล้าน เตรียมเฉลี่ยคืนแก่ผู้เสียหาย
วันที่ 30 พ.ค.67 เวลาประมาณ 13.00 น. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมด้วย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมเปิดปฏิบัติการ “The Purge EP.2 ” บุกค้น 7 จุดขยายผลจับแก๊งฟอกเงิน Hybrid Scam ยึดทรัพย์สินกว่า 220 ล้าน เตรียมเฉลี่ยคืนแก่ผู้เสียหาย
สืบเนื่องจากการสืบสวนสอบสวนคดีที่มีการกระทำความผิดเชื่อมโยงกัน ของคดีอาญา สน.ศาลาแดง ที่ 452/2565, คดีอาญา สน.ดินแดง ที่ 462/2564 และคดีอาญาของ สภ.หนองขาม จว.ชลบุรีที่ 727/2564 กรณีผู้เสียหายถูกหลอกลงทุนในลักษณะ Hybrid Scam ซึ่งคนร้ายใช้วิธีการชักชวนผู้เสียหายให้ลงทุนสกุลเงินดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์มปลอม ภายหลังนำเงินที่ได้จากการกระทำผิดมาฟอกโดยการเข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ และทรัพย์สินต่าง ๆจนนำมาสู่ปฏิบัติการ “Trust No One” EP.1-5 มีการตรวจค้นกว่า 72 จุดทั่วประเทศสามารถจับกุมผู้ต้องหาสัญชาติจีน 3 ราย ตรวจยึดอายัดอสังหาริมทรัพย์คอนโดหมู่บ้านหรูรถยนต์ สินค้าแบรนด์เนม เงินสดและของกลางอื่นอีกหลายรายการ รวมมูลค่ารวมกว่า 1,900 ล้านบาท ภายหลังสำนักงาน ป.ป.ง. ได้มีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว โดยยึดทรัพย์สินไว้ 15 รายการ ราคาประมาณ 600 ล้านบาท และได้ลงประกาศให้ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์คืนจากกรณีดังกล่าว
ต่อมา บช.สอท. ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสืบสวนขยายผลอย่างต่อเนื่อง ในส่วนคดีอาญา สน.ดินแดงที่ 462/2564 พบว่าหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการเป็นกลุ่มชาวจีน และ ชาวจีนสิงคโปร์ โดยเป็นผู้จ้างวานเพื่อจดทะเบียนบริษัทนอมินี และนำข้อมูลบริษัทไปเปิดบัญชีธนาคารเพื่อนำมาใช้รับเงินจากการกระทำความผิด แล้วนำเงินส่วนใหญ่ที่ได้มาเปลี่ยนสภาพไปเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล แล้วโอนต่อไปหลายลำดับเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ จนกระทั่งสามารถรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติต่อศาลออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเอาไว้แล้ว จำนวน 26 คน และขอหมายค้นเพื่อเข้าตรวจค้นเป้าหมายสำคัญ จำนวน 4 จุด นำมาสู่ปฏิบัติการ The Purge ปฏิบัติการกวาดล้างอาชญากรข้ามโลก EP.1 เมื่อช่วงเดือน เม.ย.67 ที่ผ่านมา สามารถจับผู้ต้องหารายสำคัญได้ จำนวน 4 ราย และสามารถยึดทรัพย์สินได้จำนวนกว่า 250 ล้านบาท
กระทั่งวันที่ 30 พ.ค.67 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมด้วย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท. และพล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สอท.3 เข้าตรวจค้นเป้าหมายในพื้นที่กรุงเทพ จำนวน 6 จุด และ ระยอง 1 จุด สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ จำนวน 3 ราย ซี่งทำหน้าที่เป็นผู้บริหารบัญชีเงินที่ได้จากการกระทำความผิด และนำเงินดังกล่าวมาฟอกโดยแปรสภาพเป็นอสังหาริมทรัพย์ รถยนต์ และทรัพย์สินมีค่า ดังนี้
1.นายธนพนธ์ อายุ 33 ปี จับกุมได้ที่ คอนโดหรู ย่านถนนสุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม.
2.นายศุภสิทธิ์ จับกุมได้ที่บ้านพัก ซอยวิภาวดี 30 เขตจตุจักร กทม.
3.นายกัญจน์นิพิฐ จับกุมได้ที่บ้านพักพื้นที่ ถ.สุขุมวิท ซ.น้ำเย็น 3 ต.เนินพระ อ.เมืองระยอง จ.ระยอง
แจ้งข้อหาในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนอันเป็นปกติธุระโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ,ร่วมกันเป็นอั้งยี่,ร่วมกันเป็นซ่องโจร,ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน , ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติฯและ ร่วมกันฟอกเงินและสมคบฟอกเงิน”
จากการตรวจค้น สามารถยึดอายัดบ้าน และคอนโดหรู ที่มีความเชื่อมโยงกับเงินที่ได้จากการกระทำความผิด จำนวน 4 แห่ง มูลค่ากว่า 165 ล้านบาท พร้อมอายัดบัญชีธนาคาร และตรวจยึดทรัพย์สิน ได้แก่ เงินสด รถยนต์หรู นาฬิกาหรู กระเป๋าแบรนเนมด์ โทรศัพท์มือถือ อีกหลายรายการ รวมมูลค่ากว่า 220 ล้านบาท
นอกจากนี้ จากการตรวจค้น บ้านพักราคา 36 ล้านบาท ในหมู่บ้านหรูแห่งหนึ่งย่านบางนา-อ่อนนุช ถนนสุขาภิบาล 2 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม. พบชาวจีนอายุ 38 ปี ถือสัญชาติวานูอาตูซึ่งเป็นผู้ครอบครองบ้านหลังดังกล่าวมีหมายจับของประเทศจีน ในคดีความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ และอีกจุดเป็นบ้านหรูราคา 85 ล้านย่านพระราม 3 ถนนนนทรี แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กทม. พบหญิงชาวจีนพักอาศัย ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างซักถามข้อมูล และได้ประสานประเทศจีนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ตรวจสอบเบื้องต้นเครือข่ายดังกล่าว มีความเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และเว็บพนันออนไลน์ ซึ่งพบว่าเครือข่ายดังกล่าวมีเงินหมุนเวียนสูงถึง 30,000 ล้านบาทต่อปี โดยหลังจากนี้จะทำการขยายผลต่อ จากเส้นทางการเงินสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาได้ 27 ราย ที่หลบหนีอยู่ตามประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นลักษณะบัญชีม้าของคนต่างชาติ และในบัญชีต่างประเทศมีการหมุนเวียนเข้ามาในประเทศไทยในการซื้ออสังหาริมทรัพย์
ทั้งนี้ จุดประสงค์หลักของการขยายผลต่อเนื่องเพื่อยึดทรัพย์ทั้งหมดส่ง ปปง. เพื่อนำมาเข้ากระบวนการเฉลี่ยทรัพย์คืนให้แก่ผู้เสียหาย โดยในช่วงเดือนที่ผ่านมาสามารถยึดทรัพย์ในกลุ่มนี้เพื่อเตรียมเฉลี่ยทรัพย์คืนประชาชนได้แล้วประมาณกว่า 400 ล้านบาท