กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป.ปรก.บก.ปอท., พ.ต.อ.ประดิษฐ์ เปการี รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.ชิษณุพงศ์ ไหวดี ผกก.3 บก.ปอท., พ.ต.ท.สัญญา นิลนพคุณ, พ.ต.ท.เสริมศักดิ์ น้อยหัวหา, พ.ต.ท.อิสรพงศ์ ทิพย์อาภากุล รอง ผกก.3 บก.ปอท.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ณรงค์ฤทธิ์ พุ่มพวง, พ.ต.ท.หญิง สุธัญดา เอมเอก, พ.ต.ท.ประทีป จันทร์เพชรบุรี สว.กก.3 บก.ปอท., ร.ต.อ.ประมุข ภิรมเจียว รอง สว.กก.3 บก.ปอท.
ร่วมกันจับกุม MR.HE สัญชาติจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1844/256 ลง 25 เมษายน 2567 ในความผิดฐาน “มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงคนเป็นบุคคลอื่น และโดยทุจริตหรือหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” จับกุมที่อาคารผู้โดยสารขาเข้า จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
พฤติการณ์ สืบเนื่องเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอท. ได้สืบสวนสอบสวนคดีที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่โทรศัพท์หลอกผู้เสียหายวัย 75 ปี ว่าบัญชีธนาคารเกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยใช้หมายเลข +191 อ้างว่าเป็นตำรวจจันทบุรีและ เจ้าหน้าที่ ปปง. จนผู้เสียหายสูญเงินรวม 10.9 ล้านบาท และก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องที่เป็นบัญชีม้า ได้รวม 5 ราย รวมทั้งล่ามเจินเจิน และนายม่วง คนพาบัญชีม้าข้ามแดนไปส่งให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ฝั่งปอยเปต (ตามที่ปรากฏข่าวกับสื่อมวลชนไปก่อนหน้านี้) นำไปสู่การขยายผลเพื่อจับกุมให้ได้ทั้งขบวนการ
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญซึ่งเป็นระดับสั่งการและบริหารการเงินของเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ได้แก่ MR.HE สัญชาติจีน อายุ 30 ปี ขณะกำลังเดินทางเข้ามาในประเทศไทยจากฝั่งประเทศกัมพูชา เพื่อเดินทางต่อไปยังประเทศจีน จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว จับกุมตัวผู้ต้องหาคนดังกล่าว ก่อนนำตัว ส่ง พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การเบื้องต้นผู้ต้องหา ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าไปทำงานเป็นพนักงานโรงแรมที่ปอยเปตเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับขบวนการนี้แต่อย่างไร และที่เดินทางมาในไทย เพื่อเตรียมจะขึ้นเครื่องต่อไปยังประเทศจีน ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากมีพยานหลักฐานการกระทำความผิดชัดเจน