กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.,พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก.,พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก.,พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป.,พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ รอง ผบก.ป.,พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว รอง ผบก.ป.,พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา รอง ผบก.ป.,พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก.5 บก.ป., พ.ต.ท.หัตถพร ทองคำ,พ.ต.ท.ฤทธิชัย ชุมช่วย, พ.ต.ท.หัตถพล ทองคำ, พ.ต.ท.ณัติรุจน์ วัฒนะฉัตรรัตน์ รอง ผกก.5 บก.ป. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.กิติภูมิ ศรีแผ้ว สว.กก.5 บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกก.5 บก.ป.
ร่วมกันจับกุม นายสืบสกุลฯ อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ.116/2567 ลงวันที่ 22 มีนาคม 2567 โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า, ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน, กระทำโดยมีอาวุธหรือใช้อาวุธ และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป, สมคบกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า, ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน, กระทำโดยมีอาวุธหรือใช้อาวุธ และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป และมีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่, ร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวเข้าไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว หรือโดยไม่มีเหตุสมควร และร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”
จับกุมบริเวณด่านตรวจห้วยยาง ถนนเพชรเกษมขาล่องใต้ ม.1 ต.ห้วยยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ พฤติการณ์สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจพบเบาะแสเครือข่ายยาเสพติดจากพื้นที่ภาคกลาง เตรียมลักลอบขนยามาส่งให้กับเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่ภาคใต้ ใช้ถนนเพชรเกษมเป็นเส้นทางหลักในการขนลำเลียงจึงกระจายกำลังเฝ้าสังเกตการณ์ กระทั่งพบรถกระบะอีซูซุสีขาว ด้านหลังกระบะคลุมผ้าใบสีดำขับผ่านมาในลักษณะต้องสงสัย ส่งสัญญาณเรียกให้หยุดรถเพื่อเข้าตรวจสอบ ก่อนพบยาบ้า 3,390,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ที่กระบะหลังดังกล่าว จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นภายในรถอย่างละเอียดพบปืนสงครามและปืนสั้น พร้อมเครื่องกระสุนขนาดต่างๆจำนวนมาก ตรวจยึดทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนนายอนุพงค์ฯ ให้การว่าประกอบอาชีพรับจ้างขับรถกระบะบรรทุกของทั่วไป ต่อมารับการติดต่อจากเครือข่ายยาเสพติดให้ทำหน้าที่ขนยาเสพติดและอาวุธปืนสงคราม พร้อมเครื่องกระสุนไปส่งให้กับเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยปืนสงครามพร้อมกระสุนไปรับมาจาก อ.สังคม จ.หนองคาย ส่วนยาบ้าไปรับมาจาก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี ก่อนหน้านี้เคยถูกจับคดีรับจ้างขนยาเสพติดและปืนสงครามมาแล้ว 5 ครั้ง ได้ค่าจ้างครั้งละ 1 แสนบาท ส่วนครั้งนี้ตกลงค่าจ้างขนกันที่ 5 แสนบาทจะได้รับค่าจ้างเมื่อขนส่งยาบ้าและปืนสงครามไปส่งเรียบร้อย เบื้องต้นแจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้เพื่อจำหน่าย มีอาวุธปืนสงครามไว้ในครอบครอง มีเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีพร้อมขยายผล
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบทราบมาว่านายสืบสกุลฯ อายุ 29 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ที่ จ.116/2567 ลงวันที่ 22 มีนาคม 2567 กำลังเดินทางจากบ้านที่ จ.กาญจนบุรี มุ่งหน้าลงมาทางภาคใต้ผ่าน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยใช้รถยนต์กระบะสีขาว จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจด่านตรวจหน้า สภ.ห้วยยาง ม.1 ต.ห้วยยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อตรวจสอบบุคคลตามหมายจับดังกล่าว
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจพบรถยนต์กระบะคันดังกล่าวขับผ่านมา จึงได้เรียกให้หยุดแล้วแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สอบถามผู้ขับขี่แจ้งว่าชื่อนายสืบสกุลฯ จึงได้แสดงหมายจับดังกล่าวให้ นายสืบสกุลฯ ดู นายสืบสกุล ฯ เมื่ออ่านข้อความในหมายจับ จนรับทราบข้อความในหมายจับแล้ว ยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง และยังไม่เคยถูกจับกุมตามหมายจับนี้มาก่อนแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการจับกุมตัว และได้แจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับให้ทราบ จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการต่อไป สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา