ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) สกัดรถเช่าโดนเชิด ส่งคืนเจ้าของทันควัน

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล., พ.ต.อ.แมน แม่นแย้ม รอง ผบก.ทล, พ.ต.อ.สุขสวัสดิ์ คูสิทธิผล รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.สาธิต สมานภาพ ผกก.5 บก.ทล., พ.ต.ท.ศิลา ขำเพชร รอง ผกก.5 บก.ทล., พ.ต.ท.ยุทธนัน จันทร์เนตร รอง ผกก.5 บก.ทล. และ ว่าที่ พ.ต.ท.พิชญา ทวิชศรี สว.ส.ทล.1 กก.5 บก.ทล เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ร.ต.อ.อภิชัย จันทร์ชู รอง สว.ส.ทล.1 กก.5 บก.พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ส.ทล.1 กก.5 บก.ทล. ร่วมกันจับกุม นายปฐมพงศ์ฯ อายุ 35 ปี ตามหมายจับของศาลแขวงพระนครเหนือ ที่ จ.101/2567 ลงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย, แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” สถานที่จับกุม บริเวณหน้าหน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงสามเงา ทล.1 กม.571 ต.วังจันทร์ อ.สามเงา จ.ตาก

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ได้รับการประสานจากผู้เสียหาย ว่ารถยนต์ของตน ยี่ห้อ TOYOTA รุ่น REVO สีเทา ป้ายทะเบียนเชียงใหม่ มีนายชัยกรณ์ฯ มาเช่ารถกับตนไปใช้ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ต่อมาตรวจสอบผ่านระบบ GPS พบว่า รถยนต์คันดังกล่าวได้ขับออกนอกพื้นที่ที่ระบุในของสัญญา ทางผู้เสียหายจึงได้ติดต่อไปยังนายชัยกรณ์ฯ ผู้เช่ารถ ปรากฏว่าไม่สามารถติดต่อได้ เป็นเหตุได้รับความเสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่ ให้ดำเนินคดีกับนายชัยกรณ์ฯ ในความผิดฐาน “ยักยอกทรัพย์” และได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงสามเงา จ.ตาก ให้ช่วยตรวจสอบ ติดตามและสกัดรถยนต์ของตนอีกช่องทางหนึ่งด้วย

ต่อมาขณะเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมตั้งจุดตรวจกวดขันวินัยจราจรและป้องกันปราบปรามอาชญากรรม บริเวณหน้าหน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงสามเงา ทล.1 กม.571 ต.วังจันทร์ อ.สามเงา จ.ตาก สังเกตพบรถยนต์ยี่ห้อ TOYOTA รุ่น REVO สีเทา ป้ายทะเบียนเชียงใหม่ ซึ่งมีลักษณะตรงตามที่ผู้เสียหายแจ้งความไว้ เจ้าหน้าที่จึงส่งสัญญาณให้หยุดรถเพื่อตรวจสอบ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบ นายปฐมพงศ์ฯ อายุ 35 ปี เป็นคนขับ สอบถามนายปฐมพงศ์ฯ ให้การว่าตนได้ซื้อรถคันดังกล่าวมาจากนายชัยกรณ์ฯ ในราคา 370,000 บาท โดยไม่ทราบว่ารถยนต์คันดังกล่าวเป็นรถที่ถูกยักยอกมา แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ โดยคาดว่าน่าจะทำกันเป็นขบวนการ เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจสอบข้อมูลคดีของนายปฐมพงศ์ฯ ผ่านระบบ CRIMES ONLINE พบเป็นบุคคลตามหมายจับ ของศาลแขวงพระหมายจับนครเหนือ ที่ จ.101/2567 ลงวันที่ 27 ก.พ.67 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย, แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”

ซึ่งนายปฐมพงศ์ฯ รับว่ายังไม่เคยถูกจับตามหมายจับนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแจ้งให้ นายปฐมพงศ์ฯ ทราบว่าต้องถูกจับตามหมายจับของศาลแขวงพระนครเหนือที่ จ.101/2567 ลงวันที่ 27 ก.พ.67 ดังกล่าว พร้อมควบคุมตัวผู้ต้องหาส่ง สน.ประชาชื่น ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ในส่วนของรถยนต์ เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดไว้และประสานให้เจ้าของรถ นำเอกสารสิทธิมาแสดง และรับรถคืนเรียบร้อย จากการสอบสวนเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา