คุมตัวอดีตพระดังข่มขู่-ถ่ายคลิปหญิงประจาน ค้นกุฏิพบปืนยาบ้าเพียบ

ตำรวจ สภ.กุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ คุมตัวอดีตพระดังข่มขู่ และถ่ายคลิปหญิงสาวประจานไปค้นกุฏิพบปืนแบลงค์กัน 4 กระบอก ลูกกระสุนปืน และยาบ้าเพียบ ขณะที่เจ้าตัวให้การภาคเสธ ระบุ “มันเป็นกรรม” ด้านตำรวจแจ้งข้อหา และคัดค้านการประกันตัว

ความคืบหน้ากันจอมพลัง หรือนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ ลงพื้นที่ สภ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ประสานงานกับ พล.ต.ต.ตรีวิทย์ ศรีประภา ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.เมธาพงษ์ บุญศรี ผกก.สภ.กุฉินารายณ์ นายผดุงศักดิ์ อิ่มเอิบ ปลัด จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งมอบหมายให้ นายประสงค์ จันทร์กระจ่าง ป้องกัน จ.กาฬสินธุ์ ลงพื้นที่ร่วมกับฝ่ายปกครองอำเภอกุฉินารายณ์ เข้าติดตามความคืบหน้าและช่วยเหลือคดีพระสำนักสงฆ์แห่งหนึ่งใน อ.กุฉินารายณ์ แอบมีสัมพันธ์กับหญิงสาววัย 48 ปี แล้วถ่ายคลิปแบล็คเมล์ ส่งภาพโป๊เปลือยตอนมีสัมพันธ์กับหญิงให้คนในครอบครัว และส่งไปหยามใจสามี

นอกจากนี้พระยังมีอาวุธปืน โดยจะใช้ปืนประกอบพิธีลองของโดยจะยิงใส่หลังคนมาร่วมพิธี พระเคยใช้อาวุธปืนตบเข้าที่บริเวณใบหน้าของหญิง และยิงถากไปที่แขน และบังคับให้หญิงบอกเลิกกับสามีถ้าไม่เลิกไม่ยอมมาอยู่ด้วยก็ขู่จะขู่ฆ่า และจะยิงหัวสามี และยังมีพฤติกรรมเสพยา กระทั่งหญิงแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สภ. กุฉินารายณ์ และลูกสาวส่งเรื่องมาขอความช่วยเหลือกับกันจอมพลัง

จากนั้นชุดสืบสวนภาค 4 ชุดสืบสวน ภ.จว.กาฬสินธุ์ และชุดสืบสวน สภ.กุฉินารายณ์ ได้จับกุมตัวพระชัยชนะ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ที่ จ.179/2567 ลงวันที่ 19 มีนาคม 2567 ข้อหาข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกายเสรีภาพชื่อเสียงของคู่ถูกข่มขืนใจหรือของผู้อื่นจนผู้ถูกข่มขืนใจยินยอมโดยมีอาวุธ พร้อมของกลางอาวุธปืนและยาบ้าจำนวน 51 เม็ด ได้ที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี ก่อนคุมตัวไปลาสิกขาบทและนำตัวมาสอบปากคำที่ สภ.กุฉินารายณ์เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา

ล่าสุดวันที่ 1 เมษายน 2567 พล.ต.ต.ตรีวิทย์ ศรีประภา ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าของของคดี โดยพ.ต.อ.เมธาพงษ์ บุญศรี ผกก.สภ.กุฉินารายณ์ พ.ต.ท.ฐิติพันธ์ นิติธรรมสาร รอง ผกก.สอบสวน สภ.กุฉินารายณ์ รายงานความคืบหน้าของคดี พร้อมทั้งคุมตัวอดีตพระชัยชนะ ไปค้นกุฏิที่พัก และบริเวณภายในสำนักสงฆ์พระธาตุภูหินกอง ต.เหล่าใหญ่ อ.กุฉินารายณ์ โดยมีชาวบ้านมามุ่งดูเหตการณ์จำนวนมาก โดยจากการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ในกฏิเบื้องต้นพบอาวุธปืนแบลงค์กัน 4 กระบอก ยาบ้า 14 เม็ด และลูกกระสุนปืนอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน พร้อมคุมตัวอดีตพระชัยชนะไปสอบปากคำที่โรงพัก อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามอดีตพระชัยชนะถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งอดีตพระชัยชนะไม่ให้สัมภาษณ์ แต่บอกเพียงสั้นๆว่า “มันเป็นกรรม” จะให้การในชั้นศาล และรอให้ทนายเป็นคนให้ข้อมูล ซึ่งขณะนี้กำลังให้พี่ชายหาทนายมาต่อสู้คดีอยู่

ด้าน พ.ต.อ.เมธาพงษ์ บุญศรี ผกก.สภ.กุฉินารายณ์ ระบุว่า เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การภาคเสธ จะขอให้การในชั้นศาล ขณะนี้อยู่ระหว่างให้พี่ชายแต่งตั้งทนายมาสู้คดี ซึ่งเบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนจะได้แจ้งข้อหาข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกายเสรีภาพชื่อเสียงของคู่ถูกข่มขืนใจหรือของผู้อื่นจนผู้ถูกข่มขืนใจยินยอมโดยมีอาวุธ ซึ่งเป็นข้อหาตามหมายจับไปก่อน ส่วนข้อหาอื่นๆทั้งยาเสพติด และอาวุธปืนจะมีการรวบรวมพยานหลักฐานและข้อหาเพิ่มต่อไป ทั้งนี้หลังจากสอบปากคำจะส่งไปฝากขัง และพนักงานสอบสวนจะคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากมีพฤติกรรมข่มขู่ผู้เสียหาย และหลบหนี

ขณะที่นายบัวลา อายุ 60 ปี ชาวบ้านเหล่าใหญ่ ม.1 กล่าวว่า ปกติตนก็เคยมาทำบุญถวายอาหารที่วัดแห่งนี้เกือบทุกวัน แต่ก็ไม่ได้สนิทกับพระดังกล่าว จึงไม่รู้เรื่องรวมที่เกิดขึ้น หลังจากทราบข่าวก็ตกใจ เพราะไม่คิดว่าเกิดขึ้นที่บ้านตนเอง ซึ่งตนก็ยังศรัทธาวัดเหมือนเดิม แต่ในตัวนั้นคงหมดศรัทธาแล้ว และก็ต้องปล่อยเป็นหน้าที่ของกฎหมายต่อไป