รวบสาวบัญชีม้ารับจ้างเปิดบริษัทให้แก๊งขายใบกำกับภาษีปลอม

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบสาวรับจ้างเปิดบริษัทพร้อมบัญชีธนาคารให้ขบวนการขายใบกำกับภาษีปลอม ทำรัฐเสียหายกว่า 130 ล้านบาท

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.ชัชวาล ชูชัยเจริญ ผกก.๒ บก.ปอศ. และ พ.ต.ท.วันเผด็จ จันยะรมณ์ รอง ผกก.๒ บก.ปอศ.

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.หญิง วณิชยา ไชยปรุง สว.กก.๒ บก.ปอศ., ร.ต.อ.อภินันท์ พจน์มนต์ปิติ รอง สว.กก.๒ บก.ปอศ. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.๒ บก.ปอศ.

ร่วมกันจับกุม นางสาววิมลฯ อายุ ๔๖ ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ ๗๘๘/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันมีเจตนาออกใบกำกับภาษี โดยไม่มีสิทธิจะออก“ อันเป็นความผิดตามมาตรา ๙๐/๔ (๓) แห่งประมวลรัษฎากร

สถานที่จับกุม หน้าบ้านพักในพื้นที่ ม.๑๙ ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เปิดปฏิบัติการ Anti tax crime โดยได้เริ่มปฏิบัติการปราบปรามขบวนการปลอมใบกำกับภาษีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต่อมากรมสรรพากรได้เข้ามาร้องทุกข์ที่ กก.๒ บก.ปอศ. ให้พิจารณาดำเนินคดีกับ นางสาววิมลฯ ซึ่งมีชื่อเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทแห่งหนึ่ง โดยบริษัทดังกล่าวมิได้ประกอบกิจการจริง ซึ่งจากการตรวจสอบพบเป็นบริษัทฯ สภาพปิดร้าง ประกอบกับทางกองตรวจสอบภาษีกลาง ได้นำรายชื่อบริษัทดังกล่าวขึ้นตรวจสอบในระบบข้อมูลผู้ออกใบกำกับภาษีโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ประเภทไม่ต้องสอบยัน ดังนั้นใบกำกับภาษีที่บริษัทฯ ออกจึงเป็นใบกำกับภาษีที่ไม่มีสิทธิจะออกตามมาตรา ๘๖/๑๓ แห่งประมวลรัษฎากร นอกจากนี้ยังพบว่าบริษัทดังกล่าวมีพฤติการณ์น่าสงสัยว่า เป็นผู้ออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีการซื้อขายกันจริงประมาณ ๒,๓๓๐ ฉบับ ตั้งแต่ตุลาคม ๒๕๕๖ – ธันวาคม ๒๕๕๘ ซึ่งทางกรมสรรพากรได้มีการตรวจสอบพบว่ามีหลายบริษัทฯ ได้นำใบกำกับภาษีปลอมที่ออกโดยบริษัท ดังกล่าว ไปใช้ในการคืนภาษีกว่าพันใบ มูลค่าความเสียหายกว่า ๑๓๐ ล้านบาท

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า ผู้ต้องหาพักอาศัยอยู่บ้านพักในพื้นที่ม.๑๙ ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้เดินทางไปดักรอบริเวณดังกล่าว และเมื่อผู้ต้องหาปรากฏตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าแสดงตัวขอตรวจสอบและพบว่าเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับจริง จึงดำเนินการจับกุมและนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.๒ บก.ปอศ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การว่าได้มีคนรู้จักมาชักชวนขอใช้บัตรประชาชนเพื่อเปิดบริษัทและพาไปเปิดบัญชีธนาคารหลายธนาคาร โดยไม่ได้แจ้งว่าจะเอาไปใช้ในเรื่องใดและมีค่าตอบแทนประมาณแสนกว่าบาท

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เตือนภัย ห้ามซื้อขายบัตรประชาชนหรือบัญชีธนาคารให้กับบุคลอื่นๆ ก่อนที่จะตกเป็นผู้ต้องหาโดยไม่รู้ตัวและความผิดดังกล่าวมีโทษจำคุกสูงถึง ๗ ปี