สืบ สน.ภาษีเจริญ จับคาปั้ม!!! ชายพกอาวุธปืนมาเติมน้ำมัน

วันที่ 18 ก.พ.66 พ.ต.อ.ไพโรจน์ นาเมืองรักษ์ ผกก.สน.ภาษีเจริญ , รับรายงาน พ.ต.ท.ทวิช เพ็ญอัมพร รองผกก.สส.ฯ , พ.ต.ท.ธนภัทร เวศกาวี สว.สส.ฯจับกุมนายกิตติชัย ชาลี อายุ 34 ปีพร้อมด้วยของกลางคือ อาวุธปืนสั้นแบบกึ่งอัตโนมัติ สีดำเงา มีอักษร BERETTA ขนาด .380 จำนวน 1 กระบอก(พร้อมซองบรรจุกระสุนจำนวน 1 ซอง) อาวุธปืนสั้นแบบรีวอลเวอร์(ลูกโม่) สีเงิน ขนาด .38 special จำนวน 1 กระบอก.อาวุธปืนสั้นแบบกึ่งอัตโนมัติ สีเทา มีอักษร COLT ขนาด .380 จำนวน 1 กระบอก(พร้อมซองบรรจุกระสุนจำนวน 1 ซอง) เครื่องกระสุนปืน ขนาด.38 SPECIAL จำนวน 14 นัด เครื่องกระสุนปืน ขนาด .380 จำนวน 15 นัดกล่องพลาสติกสี่เหลี่ยมสีดำ สำหรับใส่อาวุธปืน จำนวน 1 กล่องกระเป๋าสะพายแบบหลัง สีดำ มีซิปรูดเปิดปิด จำนวน 1 ใบ

สถานที่จับกุม บริเวณภายในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. ปากซอยเพชรเกษม 48 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ แจ้งข้อกล่าวหา “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน,พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุสมควร”

พฤติการณ์ ก่อนทำการจับกุม เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีชายไทย ไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง อายุประมาณ 35 ปี รูปร่างผอม สูงประมาณ 180 ซม. ไว้ผมรองทรง มีเจาะหูข้างซ้าย 2 รู มีพฤติการณ์ลักลอบพกพาอาวุธปืนสั้นแบบกึ่งอัตโนมัติ และเครื่องกระสุนปืนในที่สาธารณะ เกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อประชาชนใกล้เคียงหรือบุคคลอื่นทั่วไป บริเวณภายในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. ปากซอยเพชรเกษม48 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ ตามสถานที่จับกุมดังกล่าว จึงเดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ ได้จอดรถและซุ่มดูสักครู่ เนื่องจากที่เกิดเหตุมีแสงสว่างจากหลอดไฟภายในบริเวณสถานีบริการน้ำมัน จึงสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน พบนายกิตติชัย ชาลี (ทราบชื่อ-นามสกุลภายหลัง) ชายดังกล่าวมีลักษณะรูปพรรณเหมือนกับที่สายลับแจ้ง ถือกระเป๋าสะพายแบบหลัง สีดำ มีซิปรูดเปิดปิด จึงเข้าไปแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอทำการตรวจค้น และนายกิตติชัย ฯ แสดงท่าทางพิรุธต้องสงสัยและมีอาการตกใจเมื่อพบเห็นเจ้าหน้าที่และจะทำการวิ่งหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงขอเข้าทำการตรวจค้น ก่อนทำการตรวจค้นได้แสดงความบริสุทธิ์ให้นายกิตติชัย ฯ ดูจนเป็นที่พอใจแล้วและยินยอมให้ตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบ อาวุธปืนและเครื่องกระสุน ตามรายการของกลางข้างต้น อยู่ในกระเป๋าสะพายแบบหลัง สีดำ มีซิปรูดเปิดปิดที่นายกิตติชัย ฯ ถืออยู่ในมือข้างขวาขณะเกิดเหตุและถูกจับกุม เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลาง

จากการสอบถามนายนายกิตติชัยฯ รับว่าอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนเป็นของตนจริง โดยซื้อมาจากกลุ่มเฟสบุ้ค “ปืนแบลงค์กัน V3” ราคาปืนลูกโม่กระบอกละ 16,500 บาท ส่วนปืนกึ่งอัตโนมัติราคากระบอกละ 12,000 บาท สอบถามให้การว่าไม่เคยได้รับใบอนุญาตครอบครองอาวุธปืนมาก่อน เจ้าพนักงานตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามกฎหมายให้ผู้ถูกจับทราบแล้วนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป