“รองต่าย” มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์โรงงานพลุระเบิด

จากเหตุการณ์โศกนาฏกรรม โรงงานพลุระเบิด พื้นที่หมู่ 3 ต.ศาลาขาว อ.เมืองสุพรรณบุรี จ.สุพรรณบุรี เป็นเหตุให้มีผู้เสียมากถึง 23 รายและทรัพย์สินเสียหายเป็นจำนวนมาก นำมาซึ่งความสูญเสียขวัญกำลังใจและความเดือดร้อนของครอบครัวผู้ประสบภัยเป็นอย่างมาก เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี “ช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์โรงงานพลุระเบิด” ที่วัดโรงช้าง ต.ศาลาขาว อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. เป็นประธานพิธีมอบช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์โรงงานพลุระเบิด จากการเปิดบัญชีรับบริจาค ผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาศูนย์ราชการ จังหวัดสุพรรณบุรี ชื่อบัญชี “เงินบริจาคเพื่อครอบครัวผู้ประสบภัยโรงงานพลุระเบิด จังหวัดสุพรรณบุรี” ระหว่างวันที่ 19-31 มกราคม 2567 มียอดบริจาครวมทั้งสิ้นจำนวน 973,810.54 บาท และคณะกรรมการ ได้พิจารณารายชื่อ ผู้ที่สมควรได้รับการช่วยเหลือ ตามเอกสาร จำนวน 23 ราย

พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ได้บริจาคเงินสบทบกว่า 10,000 บาท รวมกับเงินที่รับบริจาคมา รวมทั้งสิ้นจำนวน 989,000 บาท และคณะกรรมการได้มอบให้กับญาติครอบครัวของผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์โรงงานพลุระเบิด จำนวน 23 ราย รายละ 43,000 บาท โดยมีพลตำรวจโทนัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พลตำรวจตรี วัชรินทร์ ประสพดี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี พันตำรวจเอกสมพร พุกหอม พันตำรวจเอก ศักดิ์ชัย อินทรปรีชา พันตำรวจเอกกฤศ จันทร์สว่าง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี หัวหน้าสถานีตำรวจในสังกัด ภ.จว.สุพรรณบุรี และพระครูศรีรัตนาภิวัฒน์ ดร. รองเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี ประธาน กต.ตร.สภ.เมืองสุพรรณบุรี เจ้าอาวาสวัดพระลอย ผู้แทน กต.ตร. ภาคประชาชน ภ.จว.สุพรรณบุรี ร่วมพิธีมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาแก่ญาติผู้เสียชีวิต จากเหตุการณ์โรงงานพลุระเบิด

ซึ่งที่ผ่านมาตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี ได้ตระหนักและเล็งเห็นถึงความเดือดร้อนของครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว และเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครอบครัวผู้ที่ได้รับผลกระทบ จึงได้เปิดบัญชีรับบริจาคเงินช่วยเหลือจากพี่น้องข้าราชการตำรวจและประชาชนทั่วไป โดยตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อบริหารควบคุมการรับบริจาคให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วัตถุประสงค์โปร่งใส และเป็นธรรมจากการเปิดบัญชีรับบริจาคดังกล่าวมียอดบริจาคกว่า 9 แสนบาท และล่าสุดได้ปิดบัญชีรับบิจาคแล้ว

ด้าน พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.กล่าวขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตและเป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัวทุกราย ซึ่งวันนี้ทางพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ผมและผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ผู้บังคับการตรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์โรงงานพลุระเบิดและต้องขอแสดงความเสียใจกับความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ของพี่น้องจังหวัดสุพรรณบุรี และญาติที่ได้รับผลกระทบจากโรงงานพลุไฟระเบิด จากการเปิดบัญชีรับบาริจาคจากพี่น้องน้องประชาชนและข้าราชการตำรวจทั่วประเทศ มอบให้ญาติผู้เสียชีวิตรายละ 43,000 บาท รวมทั้งสิ้นจำนวน 989,000 บาท

ส่วนความคืบหน้าทางคดี ขณะนี้ทราบว่ามีการสอบสวนพยานไปถึง 20 กว่าปากแล้ว โดยสอบสวนญาติผู้เสียชีวิตได้ทั้งหมด และสอบสวนพยานแวดล้อม ซึ่งได้ยินเสียง และออกมาดู สอบสวนผู้ที่เคยทำงาน และทำงานแต่ ณ เวลาเกิดเหตุอยู่ข้างนอกพอดี ว่าในบริเวณโรงงานพลุไฟเป็นอย่างไง และสอบสวนสามีของคุณแสงเดือน ที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการ แต่เสียชีวิต และลูกชายก็เสียชีวิต จึงสอบสามีได้ปากเดียว ว่ารูปแบบการประกอบธุรกิจโรงงานพลุไฟว่าเป็นอย่างไร ก็อยู่ในสำนวนการสอบสวน ขณะนี้เรารอผลการตรวจพิสูจน์หลักฐานจากกองพิสูจน์หลักฐาน และสอบผู้เชียวชาญ เนื่องจากจำเป็นต้องใช้ความละเอียดอ่อนพอสมควร เพราะว่าเราไม่มีประจักพยานเลย เราจะได้จากการที่เราจะต้องพบวัตถุพยานต่างในบริเวณที่เกิดเหตุ อาจจะต้องทำการซิน่าริโอ้ขึ้นมาว่าเหตุเป็นเช่นไร แล้วก็ดูว่าเป็นอุบัติเหตุ หรือความประมาทของผู้ใด ซึ่งต้องความละเอียดในการสอบสวน ทราบว่าทางหน่วยงานได้มีการประชุมหารือ มีการกำหนดแนวทางมาตรการไว้อยู่แล้ว
ส่วนทางตำรวจเอง หน้าที่ของตำรวจก็คือจะบูรณาการกับฝ่ายปกครอง ซึ่งได้ให้ใบอนุญาตไป เราก็จะมาดูว่าโรงงานที่ได้รับใบอนุญาต มีมาตรการในการรักษาความปลอดภัย และไม่ให้เกิดเหตุเช่นนี้อย่างไรหรือไม่ แต่ผมก็ให้คำแนะนำกับตำรวจว่า ในขณะที่มาร่วมตรวจโรงงาน หรือจะตรวจเองก็ตาม ต้องให้หยุดการทำงานทั้งหมด ไม่ใช่ตรวจไป พนักงานทำงานกันไป เราก็ไม่ทราบว่าจะเกิดเหตุหรือไม่ จะมีความประมาทอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ ดังนั้นสำหรับตำรวจ ก็จะมีวงรอบการตรวจ และมีการประสานบูรณาการกับหน่วยงานในพื้นที่ ว่าจะร่วมกันตรวจโรงงานกันอย่างไร แต่ขณะตรวจโรงงาน ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ การปฏิบัติ การทำพลุไฟต่างๆต้องหยุด เพื่อรับการตรวจให้เรียบร้อยก่อน ว่าการเก็บ การวาง การทำงาน ถูกต้องตามขึ้นตอนไหม เกิดความปลอดภัยอย่างไงหรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุอันไม่พึ่งประสงค์เกิดขึ้น ต้องขอบคุณผู้ให้การช่วยเหลือ ผู้บริจาคเงินเข้ามาทุกท่าน เพราะทราบว่ามีทั้งตำรวจและบุคคลทั่วไปด้วยที่เห็นบัญชีรับบริจาค และช่วยเหลือกัน ถือว่าเป็นความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในฐานะคนไทย