รวบชายลอบขนยาบ้า 3.3 ล้านเม็ด พร้อมอาวุธสงครามและกระสุนครบมือ

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบหนุ่มลักลอบขนยาบ้า 3.3 ล้านเม็ด พร้อมอาวุธสงครามและกระสุนครบมือ

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ, พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก., พล.ต.ต. คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป. และคณะเกี่ยวข้อง

เจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล.(ชุมพร) นำโดยพ.ต.ท.พิทยา ธนาวุฒิ สว.ส.ทล.4 กก.2 บก., ร.ต.อ.ชาตรี บุญอยู่ รอง สว.(ป.) ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล., ด.ต.สายชล ตั้งวงศ์ ผบ.หมู่ ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล., ด.ต.พัทธนันท์ แดงกระจ่าง ผบ.หมู่ ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล.

ได้ร่วมกันตรวจจับกุมนายอนุพงค์ฯ (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี

พร้อมของกลาง

1. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า)  จำนวน 3,390,000 เม็ด

2. รถยนต์กระบะบรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้ออีซูซุ รุ่น D-MaX สีขาว หมายเลขทะเบียน 1ฒว-4285 กทม. จำนวน 1 คัน

 3. อาวุธปืนสงคราม M16 – A1 ยี่ห้อ โคลท์ พร้อมซองกระสุนปืน จำนวน 1 กระบอก

 4. อาวุธปืนสงคราม อาก้า ยี่ห้อ HK พร้อมซองกระสุนปืน  จำนวน 1 กระบอก

 5. อาวุธปืนพกสั้น ลูกโม่ ยี่ห้อ สมิท แอนด์ เวสสัน ขนาด .357 มม. จำนวน 1 กระบอก

 6. เครื่องกระสุนปืน ขนาด 7.62 มม. จำนวน 769 นัด

 7. เครื่องกระสุนปืนขนาด 5.56 มม. จำนวน 3 นัด

 8. เครื่องกระสุนปืนขนาด .357 มม. จำนวน 5 นัด

เพื่อดำเนินคดีในความผิดฐาน

1.มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยมีไว้เพื่อจำหน่าย เพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนโดยไม่ได้รับอนุญาต

2.มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้มีและใช้ได้ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

3.มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน

4.พาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือ ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือไม่มีเหตุอันสมควร

สถานที่จับกุม ถนนเพชรเกษม (ทล.4) ขาล่องใต้ บริเวณ กม.475-476 ต.ท่าข้าม อ.ท่าแซะ จว.ชุมพร

พฤติการณ์ ก่อนหน้าที่จะจับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยกองบังคับการตำรวจทางหลวง ได้มอบหมายให้ ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล.(ชุมพร) วิเคราะห์แผนประทุษกรรมของเครือข่ายยาเสพติดที่ขนยาเสพติดจากพื้นที่ภาคกลางมาส่งให้กับเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่ภาคใต้ พบว่ากลุ่มผู้ลักลอบขนยาเสพติดจะมีแผนประทุษกรรมที่คล้ายกัน คือ จะรับยาเสพติดจากพื้นที่จังหวัดปริมณฑล ซึ่งเป็นพื้นที่พักยาเสพติดรอบกรุงเทพมหานคร ในช่วงกลางคืนจนถึงช่วงดึกเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจตราของเจ้าหน้าที่ หลังจากนั้นจะขนต่อลงมายังพื้นที่ภาคใต้ โดยใช้ยานพาหนะชนิดต่างๆ มีทั้งรถยนต์ส่วนบุคคล รถกระบะขนส่งอำพรางเหมือนเป็นรถขนส่งสินค้า โดยจะมีรถยนต์อีกคันหนึ่งทำหน้าที่เป็นรถนำทางเพื่อดูว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านอยู่หรือไม่ หากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่าน ก็จะให้รถขนยาเสพติดจอดรอจนกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเลิกตั้งด่าน จึงค่อยเดินทางต่อ เมื่อวิเคราะห์จากการเดินทางแล้ว รถขนยาเสพติดดังกล่าวนี้จะผ่านพื้นที่ จ.ชุมพร ในช่วงเวลาเช้ามืด ถึง ช่วงเช้า

เมื่อทราบถึงแผนประทุษกรรมดังกล่าวแล้ว ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล.(ชุมพร) จึงได้จัดเจ้าหน้าที่รถวิทยุสายตรวจ ออกตรวจเข้มในห้วงเวลาดังกล่าว เพื่อช่วยกันสกัดกั้นไม่ให้ เครือข่ายยาเสพติดต่างๆ ขนส่งยาเสพติดผ่านลงไปยังพื้นที่ภาคใต้โดยง่าย ซึ่งก่อนหน้านี้ในช่วงปี พ.ศ.2565-2566  สามารถสกัดจับผู้ต้องหาขนยาเสพติดได้แล้วจำนวน 6 ครั้ง ของกลางยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) รวม 8,000,000 เม็ด และ ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) จำนวนรวม 90 กิโลกรัม

ส่วนในคดีนี้ ขณะที่รถวิทยุตำรวจทางหลวง 2405 ได้ขับรถตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ พบรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ รุ่น D-Max สีขาว หมายเลขทะเบียน 1ฒว-4285 กทม. ติดตั้งรั้วขนส่งสินค้า ขับผ่านมาในลักษณะต้องสงสัย เมื่อเห็นรถตำรวจสายตรวจแล้วพยายามลดความเร็วให้รถเจ้าหน้าที่แซงไป cแต่เนื่องด้วยด้วยไหวพริบและประสบการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ซึ่งเชื่อว่าเป็นรถยนต์ต้องสงสัย จึงได้เรียกรถยนต์คันดังกล่าวให้หยุดและทำการขอตรวจค้น ผลการตรวจค้นหลังรถยนต์กระบะ มีผ้าใบพลาสติกสีเทาดำคลุมอำพราง เปิดออกพบลังน้ำแข็งพลาสติกสีน้ำเงินจำนวน 4 ใบ เมื่อทำการเปิดฝาลังพลาสติกดังกล่าว พบว่าด้านในลังบรรจุถุงกระสอบปุ๋ยสีเทา ภายในถุงกระสอบปุ๋ยบรรจุสิ่งของเป็นแท่งสี่เหลี่ยม ห่อหุ้มด้วยพลาสติกใส จึงทำการแกะออก พบกระดาษเทียนไขสีเหลืองปั๊ม ตราสัญลักษณ์ดาวห้าดวงและมีอักษรเลข 999 ภายในมียาเสพติดจำนวนมาก จึงได้ควบคุมตัวนายอนุพงค์ฯ ผู้ขับขี่ มาตรวจค้นละเอียดอีกครั้งที่สถานีตำรวจทางหลวงชุมพร พบท้ายกระบะ ซุกซ่อน ยาบ้า จำนวน 3,390,000 เม็ด นอกจากนั้นยังพบ อาวุธปืนสงครามอาวุธปืนสงคราม M16 – A1 ยี่ห้อ โคลท์ พร้อมซองกระสุนปืน จำนวน 1 กระบอก, อาวุธปืนสงคราม อาก้า ยี่ห้อ HK พร้อมซองกระสุนปืน  จำนวน 1 กระบอก , อาวุธปืนพกสั้น ลูกโม่ ยี่ห้อสมิทแอนด์เวสสัน ขนาด .357 มม. จำนวน 1 กระบอก และ เครื่องกระสุนปืนอีกจำนวนมาก จึงได้ตรวจยึดทั้งหมดไว้เป็นของกลาง หลังจากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการสอบสวนผู้ต้องหา ให้การรับว่าปกติตนได้รับจ้างวิ่งรถกระบะบรรทุกทั่วไป ใช้รถยนต์กระบะ ดัดแปลงสภาพโดยมีรั้วเหล็ก เพื่อใช้บรรทุกสิ่งของ โดยจะรับบรรทุกสินค้าจำพวกผักและผลไม้จาก จากตลาดไท ตลาดสี่มุมเมือง และ จ.ราชบุรี มาส่งที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และตลาดหัวอิฐ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ต่อมาตนได้รับการติดต่อจากเครือข่ายยาเสพติด ให้ทำหน้าที่ขนยาเสพติดและอาวุธปืนสงครามพร้อมเครื่องกระสุนปืนของกลางดังกล่าวไปส่งให้กับเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยอาวุธปืนสงครามพร้อมเครื่องกระสุนไปรับ มาจาก อ.สังคม จ.หนองคาย ส่วนยาบ้า ไปรับมาจาก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี โดย ก่อนหน้าจะถูกจับกุมได้เคยขนยาเสพติดมาแล้ว 5 ครั้ง ได้ค่าจ้างครั้งละ 100,000 บาท ส่วนครั้งนี้ตกลงค่าจ้างขนกันที่ 500,000 บาท โดยจะได้รับเมื่อขนส่งยาบ้า และอาวุธปืนไปส่งเรียบร้อยแล้ว