“รองโจ๊ก” ย้ำ ผู้กำกับทุกท้องที่ต้องแข่งกับตัวเอง ต้องปรับตัวเร่งการทำงานสร้างความเชื่อมั่น

“รองโจ๊ก” ย้ำ ผู้กำกับทุกท้องที่ ต้องแข่งกับตัวเอง ทำสงครามกับความรู้สึกของประชาชน ท้องที่ใดทำให้ประชาชน มีเหตุมาบอกผู้กำกับ ไม่ต้องพึ่งเพจ อินฟลูเอ็นเซอร์ หากทำได้ถือว่ารบชนะ และเมื่อไหร่ตำรวจทำงาน ประชาชนเขาจะรู้เอง ไม่ใช่นายรู้อย่างเดียว ย้ำ จุดแตกหักของตำรวจอยู่ที่โรงพัก

พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ลงตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญให้แก่ตำรวจในพื้นที่สถานีตำรวจภูธรทุ่งลุง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ต้องการให้กำลังพลมีขวัญและกำลังใจในการปฎิบัติหน้าที่ โดยเฉพาะสถานีตำรวจภูธรตามแนวชายแดน

ซึ่งนอกจากจะเยี่ยมบำรุงขวัญและมอบสิ่งของเป็นขวัญและกำลังใจแล้วรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยังได้ประชุมมอบนโยบายให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเฉพาะผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร โดยย้ำว่าจากนี้ไปผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรซึ่งรับภาระหน้าที่มากำกับดูแลโรงพัก จะต้องปรับตัวเร่งการทำงานสร้างความเชื่อมั่น ไม่ต้องรอให้ผู้เดือดร้อนไปพึ่งพาสื่อ เพจ หรืออินฟูลเอ็นเซอร์ ถึงจะสามารถแก้ปัญหาคดีได้

“ย้ำผู้กำกับสถานีตำรวจทุกแห่ง ต้องสร้างความศรัทธาให้ประชาชนให้ได้ ใครเป็นผู้กำกับที่ไหนต้องต่อสู้กับตัวเอง ทำให้ประชาชนในพื้นที่ทุกชุมชน ทุกตำบลททุกหมู่บ้าน ในพื้นที่ของของตนเอง มีเหตุต้องมาบอกผู้กำกับ มีเหตุต้องนึกถึงผู้กำกับ ไม่ใช่มีเหตุต้องไปบอกเพจต่างๆ สื่อสารมวลชนต่างๆ โซเชียลมีเดียร์ต่างๆ ผู้กำกับใด ทำได้แบบนี้ถือว่ารบชนะ ต่อความไม่ไว้วางใจของประชาชน แล้วท่านจะภูมิใจ เมื่อไหร่ ตำรวจทำงานแล้วประชาชนเขาจะรู้เอง”

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยอมรับว่า ที่ผ่านมาคนที่กำกับดูแลและแก้ปัญหาโดยบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดก็คือเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ที่ผ่านมาเกิดปัญหารอยต่อ ระหว่างตำรวจกับประชาชน ที่มีผลมาจากความเชื่อมั่นต่อการปฎิบัติหน้าที่ ทำให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนหันไปพึ่งสื่อและเพจ เพื่อให้มาจี้คดี เมื่อเป็นข่าวถึงจะมีการขับเคลื่อนในการปราบปรามหรือจับกุม

แต่จากนี้ไปผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรทุกแห่งจะต้องปรับตัว จะเป็นฝ่ายรอรับไม่ได้ต้องทำงานในเชิงรุก นั่นหมายความว่าเมื่อมีการเข้ามาแจ้งความ นอกจากจะ “ขึ้นโรงพัก ไม่ต้องฝาก” แล้ว จะต้องเร่งทำคดีแบบปิดให้ครบจบให้ไว เพื่อลดข้อกังขาและคลายความสงสัย อย่าเก็บข้อมูลไว้เมื่อเกิดปัญหาเพราะจะกลายเป็นว่าร่วมกันปกปิด และหากยิ่งคดีล่าช้าจะกลายเป็นการสมยอมหรือถูกมองว่ามีการเรียกรับ เหมือนหลายคดีที่ผ่านมา

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังย้ำด้วยว่า การดำเนินการในเชิงรุกไม่จำเป็นต้องรอเงื่อนไขเวลา สามารถทำได้ทันที แม้จะต้องเหนื่อยมากขึ้น แต่หากมีการกวดขันที่เด็ดขาดและดำเนินคดีอย่างรวดเร็ว คนที่คิดจะก่อคดีหรือทำไม่ดี ก็จะค่อยๆ ลดลงภาระงานก็จะลดตามลงไปด้วย