สืบนครบาล ร่วมกับชุด PCT 5 ทลาย 2 จุด จำหน่ายอาวุธปืนแบลงค์กันแปลง ชิ้นส่วนอาวุธปืนส่งขายผ่านกลุ่มปิดทางโซเชียล

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้เร่งรัดปราบปรามอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน โดยปัจจุบันสถิติอาชญากรรมที่มีการใช้นำอาวุธปืนไปประทุษร้ายต่อชีวิต ร่างกาย ปล้น ชิงทรัพย์ ในลักษณะอุกอาจไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายมีเพิ่มมากขึ้นเป็นอย่างมาก อาทิ เหตุกราดยิงภายในห้างสรรพสินค้า , เด็กนักเรียนนักศึกษาต่างสถาบันนำอาวุธปืนไปใช้ยิงคู่อริ เป็นต้น ซึ่งหลายๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้ความพยายามสืบสวนขยายผลจนทราบว่าผู้ก่อเหตุซื้ออาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนเพื่อมาก่อเหตุผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่ง พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้ตระหนักและเน้นย้ำให้กำลังพลในสังกัดเฝ้าสืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มเครือข่ายที่ลับลอบจำหน่ายอาวุธปืนต่างๆ ทางออนไลน์และช่องทางอื่นให้มีผลอย่างเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง จนชุดลาดตระเวนออนไลน์ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ออกแกะรอยสืบสวนจนพบ “ บุคคลซึ่งลับลอบจำหน่ายอาวุธปืนผิดกฎหมายให้กลุ่มผู้ซื้อผ่านกลุ่มลับ ” ซึ่งเป็นอีก 2 ตัวการสำคัญซึ่งเป็นต้นตอของการก่อเหตุอาชญากรรมขึ้นในสังคมอย่างไม่เกรงกลัวกฏหมาย จึงนำกำลังสืบนครบาลเข้าค้นจำนวน 2 จุด

เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ,พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฏศรี , พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ , พ.ต.ต.ทศรัศมิ์ กิติธารา สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , ร.ต.อ.ธนพล มโนษร , ร.ต.อ.ปฏิภาณ ไกรลาศฉิมพลี , ร.ต.ต.ทรงศักดิ์ เจียมสกุล พร้อมกำลังชุดปฏิบัติการที่ 4 และ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ได้ร่วมจับกุม

1.นายวิมล อายุ 39 ปี บ้านเลขที่ 133/3 หมู่ 7 ตำบลทับกวาง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี

2.นางสาวจันทนา อายุ 37 ปี ที่อยู่ 8/6 หมู่ 11 ตำบลบางปะกง อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา

โดยกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1 และ ที่ 2 ว่า “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , ทำ ประกอบ ซ่อมแซม เปลี่ยนลักษณะ สั่ง นำเข้า มี หรือจำหน่ายซึ่งอาวุธปีนหรือเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต”

จุดที่ 1 ตรวจค้นบ้านเลขที่ 10/26 หมู่ 7 ตำบลทับกวาง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี บ้านของผู้ต้องหาที่ 1 ผลการตรวจพบสามารถตรวจยึดอาวุธปืนแบลงค์กันดัดแปลงให้สามารถยิงกระสุนปืนจริงขนาด .380 ได้ เครื่องกระสุนปืน อุปกรณ์ดัดแปลงอาวุธปืนชนิดต่างๆ ให้สามารถยิงกระสุนปืนจริงขนาดต่างๆ ได้ ตลอดจนหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องกับคดี จำนวน 40 รายการ เช่น

1. กล่องพัสดุสีน้ำตาล ระบุชื่อผู้ส่ง จำนวน 1 กล่อง

2. อาวุธปืนแบลงค์กันดัดแปลงใช้กระสุนจริง ขนาด .380 ยี่ห้อ ZORAKI รุ่น 914-TD จำนวน 1 กระบอก พร้อมแมกกาซีน 1 อัน และกระสุนปืนขนาด .380 จำนวน 4 นัด

3. อาวุธปืนแบลงค์กันดัดแปลงใช้กระสุนจริง ขนาด .380 ยี่ห้อ GLOCK จำนวน 1 กระบอก พร้อมแมกกาซีน 2 อัน

4. อาวุธปืนแบลงค์กันเลียนแบบอาวุธปืน ยี่ห้อ SIG SAUER รุ่น P365 จำนวน 1 กระบอก พร้อมแมกาซีน 2 อัน

5. อาวุธปืนแบลงค์กัน ยี่ห้อ RETAY เลียนแบบอาวุธปืนยี่ห้อ GLOCK จำนวน 1 กระบอก พร้อมแมกกาซีน 2 อัน

6. อาวุธปืนแบลงค์กัน สีเงิน ยี่ห้อ EKOL จำนวน 1 กระบอก พร้อมแมกาซีน 2 อัน

7. กระสุนปืนแบลงค์กัน ขนาด 9 มม. P.A.K. จำนวน 50 นัด

8. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ OPPO รุ่น A92 สีดำ จำนวน 1 เครื่อง

9. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ Redmi  รุ่น note 11s สีดำ จำนวน 1 เครื่อง

10. เครื่องพิมพ์สลาก ไม่ทราบยี่ห้อ สีม่วง จำนวน 1 เครื่อง

11. กระดาษห่อพัสดุ สีน้ำตาล จำนวน 12 แผ่น

12. ถุงพลาสติกสำหรับบรรจุพัสดุ ขนาด 32X45 cm. จำนวน 107 ใบ

13. กล่องพัสดุ ขาด 17X25X9 cm. จำนวน 13 ใบ

14. กล่องพัสดุ ขนาด 22X35X14 cm. จำนวน 16 ใบ

15. กระสุนปืน ขนาด .380 AUTO จำนวน 43 นัด

16. กระสุนปืน ขนาด .22 LR จำนวน 22 นัด

17. กระสุนปืน ขนาด .45 ACP จำนวน 5 นัด

18. กระสุนปืนไม่ทราบขนาด จำนวน 18 นัด

19. ชิ้นส่วนลูกโม่ ไม่ทราบขนาด จำนวน 1 อัน

20. ดอกสว่านคละขนาด จำนวน 29 ดอก

21. เวอร์เนียร์ คาลิเปอร์ จำนวน 3 อัน

22. กระสุนปืน ขนาด 6.35 มม. จำนวน 22 นัด

23. กระสุนปืนแบลงค์กัน ขนาด 9 มม. P.A.K. จำนวน 350 นัด

24. กระสุนปืน ขนาด .38 SP จำนวน 3 นัด

25. กระสุนปืน ขนาด .32 จำนวน 16 นัด

26. กระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 12 นัด

27. แมกกาซีนไม่ทราบขนาด จำนวน 2 อัน

28. ลำกล้องไม่ทราบขนาด จำนวน 4 ลำกล้อง

29. ชุดเชื่อมแก๊ส จำนวน 1 ชุด

30. ปากกาจับชิ้นงาน จำนวน 2 อัน

31. ถังลม ยี่ห้อ SUMO จำนวน 1 ถัง

32. เครื่องเจียรไฟฟ้า จำนวน 1 เครื่อง

33. เครื่องเชื่อม ยี่ห้อ GOLD สีเหลือง พร้อมถังอุปกรณ์ จำนวน 1 เครื่อง

34. เครื่องเชื่อม ยี่ห้อ X-TECH สีส้ม พร้อมถังอุปกรณ์ จำนวน 1 เครื่อง

35. แม่แรง จำนวน 1 อัน

36. สว่านแท่นพร้อมอุปกรณ์ จำนวน 1 เครื่อง

37. เครื่องกลึงเล็ก จำนวน 1 เครื่อง

38. สว่านมือ จำนวน 4 เครื่อง

39. ถังทดสอบอาวุธปืน จำนวน 1 ถัง

40. กระสุนปืน ขนาด .38 SPL จำนวน 10 นัด

จุดที่ 2 เข้าทำการตรวจค้นบ้านเลขที่ 133/3 หมู่ 7 ตำบลทับกวาง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ของผู้ต้องหาที่ 2ผลการตรวจพบสามารถตรวจยึดอาวุธปืนแบลงค์กันดัดแปลงให้สามารถยิงกระสุนปืนจริงขนาด .380 ได้ เครื่องกระสุนปืน อุปกรณ์ดัดแปลงอาวุธปืนชนิดต่างๆ ให้สามารถยิงกระสุนปืนจริงขนาดต่างๆ ได้ ตลอดจนหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องกับคดี จำนวน 16 รายการ คือ

1. อาวุธปืนยาว (ไทยประดิษฐ์) ขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก

2. กระสุนปืน ขนาด .22 จำนวน 40 นัด

3. อุปกรณ์เก็บเสียง (ใช้กับของกลางรายการที่ 1) จำนวน 1 อัน

4. อาวุธปืนสั้น (ไทยประดิษฐ์) ยี่ห้อ โคลท์ โมเดล กอฟเวอร์เม้นท์ ขนาด .380 จำนวน 1 กระบอก

5. แม็กกาซีน (ใช้กับของกลางรายการที่ 4) จำนวน 1 อัน

6. กระสุนปืน ขนาด .380 จำนวน 3 นัด

7. แม็กกาซีน (ดัดแปลง) จำนวน 7 อัน

8. ลำกล้อง (ดัดแปลง) จำนวน 4 อัน

9. ลูกโม่ (ดัดแปลง) จำนวน 2 อัน

10. สไลด์ปืน (ดัดแปลง) จำนวน 1 อัน

11. กระสุนปืนแบงค์กัน จำนวน 7 นัด

12. เครื่องกระสุนปืน ขนาด .22 จำนวน 2 นัด

13. เครื่องกระสุนปืน ขนาด .380 จำนวน 1 นัด

14. เครื่องกระสุนปืนแบงค์กัน จำนวน 7 นัด

15. เครื่องกระสุนปืน ขนาด .22 จำนวน 2 นัด

16. เครื่องกระสุนปืน ขนาด .380 จำนวน 4 นัด

กล่าวคือ  ชุดลาดตระเวนออน์ไลน์ กก.วิเคราะห์ข่าวฯสืบนครบาลได้สืบสวนเป็นบุคคลที่มีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน อุปกรณ์ดัดแปลงอาวุธปืนชนิดต่างๆ ให้สามารถยิงกระสุนปืนจริงขนาดต่างๆ ได้ทางโลกโซเชียล และส่งทางพัสดุไปรษณีย์ จึงได้ทำการเฝ้าสืบสวนติดตามพฤติกรรม จนพบสถานที่ซึ่งเชื่อว่าเป็นสถานที่จัดส่งพัสดุซึ่งภายในบรรจุอาวุธปืนเพื่อส่งขายให้ผู้ที่สั่งซื้อผ่านกลุ่มลับ ตลอดจนสถานที่ซึ่งใช้เป็นสถานที่ผลิดอาวุธปืน ชิ้นส่วนอาวุธปืน และที่ซุกซ่อนอาวุธปืนที่ผลิตเสร็จเพื่อรอส่งขายให้แก่ลูกค้า จำนวน 2 จุด จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเสนอต่อศาลจังหวัดสระบุรีเพื่อพิจารณาอนุมัติหมายค้นเพื่อเข้าตรวจค้นจับกุมความผิด     ต่อมาเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2567 เวลาประมาณ 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายค้นศาลจังหวัดสระบุรี ที่ 11/2567 ลงวันที่ 14 มกราคม พ.ศ.2567 เข้าทำการตรวจค้นบ้านเลขที่ 10/26 หมู่ 7 ตำบลทับกวาง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ผลการตรวจพบผู้ต้องหาที่ 1 สามารถตรวจยึดอาวุธปืนแบลงค์กันดัดแปลงให้สามารถยิงกระสุนปืนจริงขนาด .380 ได้ เครื่องกระสุนปืน อุปกรณ์ดัดแปลงอาวุธปืนชนิดต่างๆ ให้สามารถยิงกระสุนปืนจริงขนาดต่างๆ ได้ ตลอดจนหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องกับคดี จำนวน 41 รายการ/ 762  ชิ้น ปรากฏตามของกลางจึงได้จับกุมตัว นายวิมล มาปิน

ต่อมาวันเดียวกัน เวลาประมาณ 15.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายค้นศาลจังหวัดสระบุรี ที่ 12/2567 ลงวันที่ 14 มกราคม พ.ศ.2567 เข้าทำการตรวจค้นจุดที่ 2 บ้านเลขที่ 133/3 หมู่ 7 ตำบลทับกวาง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ผลการตรวจพบสามารถตรวจยึดอาวุธปืนแบลงค์กันดัดแปลงให้สามารถยิงกระสุนปืนจริงขนาด .380 ได้ เครื่องกระสุนปืน อุปกรณ์ดัดแปลงอาวุธปืนชนิดต่างๆ ให้สามารถยิงกระสุนปืนจริงขนาดต่างๆ ได้ ตลอดจนหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องกับคดี จำนวน 16 รายการ ปรากฏตามของกลาง จึงได้จับกุมตัว นางสาวจันทนา กิมง่วนสง  

จากการซักถามนายวิมล ให้การว่าตนเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เดิมทีทำงานรับเหมาก่อสร้าง , พนักงานโรงงานเกี่ยวกับทำเหล็ก จนมีประสบการณ์เกี่ยวกับการอ๊อก เชื่อม กลึงเหล็ก จนเมื่อประมาณต้นปี 2566 ตนมีปัญหาสุขภาพ ทั้งด้านสายตา และโรงเบาหวาน จึงได้ลาออกจากงานประจำในโรงงานที่ทำ ทั้งนี้ ก่อนหน้าที่ตนจะลาออกจากงานตนมีความสนใจเกี่ยวกับการทำอาวุธปืนดัดแปลงจากปืนแบลงค์กัน โดยศึกษาดูวิธีการช่องยูทูบ และได้มีโอกาสฝึกทำระหว่างเลิกงานจนสามารถใช้ยิงกระสุนจริงได้ สามารถทำได้ดี จึงหันมารับจ้างทำเป็นอาชีพหลักและเริ่มเป็นที่รู้จักในวงการกลุ่มลับ โดยตนได้ทำห้องไว้สำหรับผลิต ดัดแปลง อาวุธปืนแบลงค์กันให้สามารถยิงกระสุนจริงได้ไว้บริเวณหลังบ้านในพื้นที่ หมู่ 7 ตำบลทับกวาง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ที่ตรวจค้น ซึ่งได้ดัดแปลงเอาห้องน้ำเก่าของบ้านที่ไม่ได้ใช้งานแล้วมาเป็นโรงงานผลิต และส่งขายให้แก่ลูกค้าซึ่งมีการสั่งซื้อทางออนไลน์ที่ผ่านมาทำมาแล้วกว่า 6 เดือน มีลูกค้าสนใจสั่งซื้อมากพอสมควร ขายกระบอกละ 16,000 บาท กำไรหลังจากหักต้นทุนแล้วตกเฉลี่ยกระบอกละ 8,000 บาท ในส่วนลำกล้องปืนและโม่ปืนดัดแปลง ขายชิ้นละ 1,500 ถึง 2,000 บาท รวมรายได้ต่อเดือน/เดือนละกว่า 120,000 บาท (หนึ่งแสนสองหมื่นบาท) เงินที่ได้มานำมาใช้จ่ายในครอบครัวและนำไปให้ นางสาวจันทนา ซึ่งเป็นภรรยาลงทุนขายลูกชิ้นหมาล่าในพื้นที่ พร้อมนี้ นางสาวจันทนา ภรรยารับว่าที่ผ่านมาตนทราบและรู้มาโดยตลอดว่าแฟนตนผลิต ดัดแปลง อาวุธปืนแบลงค์กันให้สามารถยิงกระสุนจริงได้และส่งขาย เห็นว่าพอมีรายได้เสร็จแก่ครอบครัวที่ดีจึงไม่ได้ห้าม แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนติดตามจับกุมได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางที่เกี่ยวข้องกับคดี นำส่ง พงส.สภ.แก่งคอย จังหวัดสระบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป