จากกรณีเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2566 เวลาประมาณ 09.30 น. ได้เกิดเหตุคนร้ายจำนวน 2 คน ใช้อาวุธปืนยิงน.ส.ศิรดา อายุ 45 ปี หรือครูเจี๊ยบ ครูสอนคอมพิวเตอร์ โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ และ นายธนสรณ์ อายุ 19 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ถึงแก่ความตาย บริเวณหน้าธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด สาขาคลองเตย แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร จนกระทั่งมีการจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ทั้งหมดร่วม 8 คน พร้อมของกลางในการกระทำความผิดหลายรายการเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
ล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนนครบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ไทรน้อย เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานภูธรจังหวัดนนทบุรี นำกำลังเข้าตรวจค้นบริเวนป่าไผ่ ริมถ.โยธาธิการวัดต้นเชือก ต.ทวีวัฒนา อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นสวนร้างของชาวบ้าน พบรถกระบะโตโยต้าแบบมีหลังคา สีฟ้าขอบเทา ทะเบียน ขจ-9707 ชลบุรี จอดซุกซ่อนเอาไว้โดยมีการนำกิ่งไผ่มาวางปิดบังไว้รอบคันนอกจากนี้ยังใช้ผ้าใบสีน้ำเงินคลุมปิดท้ายไว้อีกที่เพื่ออำพราง จากการตรวจสอบภายในรถพบ ซองใส่อาวุธปืนแบบลูกโม่ 1 อัน ป้ายทะเบียนรถจยย. 9 กม-6055 กทม. หมวกไอ้โม่งสีดำ 1 ใบ ถุงมือ ถุงเท้า เสื้อยืด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการตรวจยึดไว้ประกอบสำนวนคดี โดยพบว่ารถคันดังกล่าวนำมาจอดทิ้งไว้ตั่งแต่วันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนขยายผลกลุ่มผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพว่าก่อนเกิดก่อเหตุได้มีการแบ่งหน้าที่กันทำหลายอย่างทั้งการแบ่งคนไปก่อเหตุขโมยแผ่นป้ายทะเบียนของชาวบ้านเพื่อมาใช้ในการก่อเหตุ โดยรถกระบะคันดังกล่าวเป็นรถที่ใช้ขน รถ จยย. ขึ้นกระบะหลังรถหลังก่อเหตุลักแผ่นป้ายทะเบียนรถมาได้ หลังจากนั้นจึงได้นำรถกระบะมาจอดซุกซ่อนไว้ที่จุดดังกล่าวก่อนจะมาถูกจับกุมตัวได้ในที่สุด
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า รถกระบะคันนี้เป็น 1 ในรถที่ร่วมก่อเหตุ โดยก่อนเกิดเหตุกลุ่มคนร้ายที่มีได้มีการแบ่งหน้าที่กันวางแผนทำงานอย่างเป็นขบวนการโดยรถกระบะคันนี้เป็นรถที่ใช้ก่อนเกิดเหตุโดยทำหน้าที่เป็นรถที่ใช้ไปรับรถจยย.คันหนึ่งที่ไปลักแผ่นป้ายทะเบียนรถจยย.ของชาวบ้านในเขตพื้นที่สน.ประชาชื่นเผื่อนำมาใช้สับเปลี่ยนแผ่นป้ายทะเบียนรถกับรถจยย.ที่ใช้ก่อเหตุไปยิงกลุ่มนักศึกษาคู่อริ ขึ้นรถเพื่อหลบหนีบริเวณสถานีรพไฟบางซ่อน กทม. จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่ารถกระบะคันดังกล่าวได้ขับเข้าที่เซฟเฮาส์ของกลุ่มคนก่อเหตุภายในซ.งามวงศ์สว่าง 19 กทม. จนเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเข้าไปจับกุมตัวกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุได้ทั้งหมด 6 คน พร้อมของกลางอีกหลายรายการเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
ซึ่งจากการสอบสวนทั้งหมดให้การที่สอดคล้องกันจนนำมาสู่การตามมาตรวจยึดรถกระบะคันดังกล่าวได้ ส่วนรถจยย.ที่ใช้ในการก่อเหตุยิงนั้นพบว่าเป็นรถสีแดง แต่พอก่อเหตุเสร็จแล้วหลบหนีออกจากพื้นที่ กทม. ได้มีการเปลี่ยนเป็นสีนำ้เงินเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างสอบสวนขยายผล เบื้องต้นพบว่ากลุ่มนี้มีการติดต่อผ่านทางไลน์กลุ่มถึง 84 คน โดยเป็นกลุ่มไลน์ลับของพวกเขาที่มีความคิดแบบเดียวกัน ที่ว่าก่อเหตุแบบนี้แล้วจะเป็นฮีโร่ของกลุ่ม ซึ่งมันเป็นความเชื่อที่ผิดอย่างมาก จากข้อมูลการสืบสวนสอบสวนของตำรวจ
ที่ผ่านมาพบว่ากลุ่มที่ก่อเหตุมีการพัฒนาจนเกินกว่า “องค์กรอาชญากรรม” ไปแล้ว มันไม่ใช้แค่ขี่รถมาก่อเหตุ มันมีการวางแผนกันเป็น 10 คน “ยิ่งกว่าในภาพยนตร์” มีรุ่นพี่ผู้ผ่านประสบการณ์เป็นพี่เลี้ยง มีกองทุนเพื่อไว้หาอุปกรณ์ก่อเหตุ กองทุนไว้ประกันตัว จ้างทนายมาต่อสู้คดี และที่เห็นจะเลวร้ายที่สุดคือเมื่อมีคนถูกจับได้ พอถึงชั้นเบิกความก็จะตามพรรคพวกมานั่งแห่ฟังการไต่สวนของชุดสืบสวน เอาไปพัฒนารูปแบบการก่อเหตุไม่ให้โดนจับได้อีก มันไม่ใช่เรื่องที่เราในสังคมจะมองข้ามกันได้แล้ว เพราะมันลุกลามบานปลายมาจนมีผู้บริสุทธิ์ต้องมาเผชิญชะตากรรมเลวร้ายจากกลุ่มบุคคลนี้