“บอย” รับสารภาพแล้วหมดเปลือก นำชี้จุดที่เกิดเหตุไปช่วยเหลือ ”เสี่ยแป้ง” นำอุปกรณ์ตัดโซ่ตรวนและซิมโทรศัพท์ไปส่งถึงรพ.มหาราช-แม่ยอมรับลูกชอยทำผิดแต่อย่าเอาไปโยงกับผู้คุมเพราะนามสกุลเหมือนกันเป็นญาติแต่ไม่สนิทกัน
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 27ตค.2566 หลังจาก พ.ต.อ.นัษฐวุฒิ ทองทิพย์ รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช รรท.ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้นำตัวนายคเณศหรือบอย ทองประจง อายุ 28 ปี ออกจากห้องขังมาสอบสวนปากคำอย่างละเอียดอีกครั้งที่ห้องประชุม สภ.เมืองนครศรีธรรมราชจนในที่สุดนายคเณศหรือบอยได้เปิดปากรับสารภาพหมดเปลือกว่าได้รับการติดต่อจากนายจักรีหรือบิ๊ก แป้นน้อย 1ใน4ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับก่อนชุดแรกให้มาร่วมช่วยเหลือนายเชาวลิตหรือเสี่ยแป้งหลบหนีออกจาก รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช โดยคืนแรกวันที่ 20 ต.ค.66 นายคเณศหรือบอย ได้ขี่รถจยย.เวสป้าสีขาว เดินทางไปยัง รพ.มหาราชนครศรีธรรมราชเพื่อนำซิมโทรศัพท์และอุปกรณ์ตัดโซ่ตรวน, อาวุธปืนและชุดสำหรับเปลี่ยนไปให้นายบิ๊ก และ น.ส.ไหม ที่บริเวณด้านหลัง รพ.มหาราช และหิ้วกระเป๋าใส่อุปกรณ์ทั้งหมดขึ้นไปส่งให้กับนายเชาวลิตถึงบนตึกคนไข้ แต่ปรากฏว่าคืนแรก(20ตค)นายเชาวลิตไม่สามารถตัดโซ่ตรวนได้สำเร็จ จึงขี่รถจยย.ออกจาก รพ.กลับบ้านเช่า ที่บริเวณริมถนนพัฒนาการคูขวาง อ.เมืองนครศรีธรรมราชและวันรุ่งขึ้นอีกวันได้มีการวางแผนใหม่อีกรอบด้วยการนำกุญแจผีขึ้นไปบนตึกจนสามารถสะเดาะห์กุญแจได้และพากันหลบหนีไปในที่สุด
หลังจากสอบสวนเสร็จแล้ว ทาง พ.ต.อ.นัษฐวุฒิ ทองทิพย์ รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช และกำลังตำรวจขุดสืบสวนได้คุมตัวนายคเณสหรือบอยไปชี้จุดที่เกิดเหตุต่างๆบริเวณด้านหลังตึกรพ.มหาราชซึ่งเป็นจุดนัดพบกับกลุ่มคนร้ายเพื่อวางแผนนำอุปกรณ์ตัดโซ่ตรวน,ซิมโทรศัพท์และอาวุธปืนขึ้นไปให้นายเชาวลิตหรือเสี่ยแป้งเพื่อวางแผนหลบหนีในคืนแรกแต่ไม่สำเร็จและมาสำเร็จในคืนที่ 2 จากนั้นตำรวจได้คุมตัวนายคเณศหรือบอย ไปค้นบ้านเช่าเลขที่ 73/33 ถนนพัฒนาการคูขวาง ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรามราชเพื่อค้นหาหลักฐานต่างๆมีทั้งเสื้อผ้าที่สวมใส่วันเกิดเหตุและรถจักรยานยนต์ยี่ห้อเวสป้าสีขาวที่ใช้เป็นพาหนะในวันนำสิ่งของเข้าไปให้เสี่ยแป้ง
โดยมีนางสมจิตร ทองประจง อายุ55ปีแม่นายคเณศหรือบอย มายืนในบ้านเช่าหลังดังกล่าวด้วย โดยแม่ได้ดุด่าต่อว่าลูกชายทำไมชอบไปยุ่งเกี่ยวกับพวกนักโทษในเรือนจำสอนแล้วไม่จำ ทำให้นายคเณศหรือบอยถึงกับตก โดยนางสมจิตร ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าตนยอมรับว่าลูกชายตนทำผิดจริงเพราะรู้นิสัยลูกชายคนนี้ดี ก็ขอให้ตำรวจดำเนินคดีไปตามกม.เต็มที่แต่ไม่อยากทางสื่อมวลชนอย่าเอานามสกุลไปโยงกับนามสกุลของผู้คุมคนหนึ่งในคืนวันเกิดเหตุ ยอมรับว่าเป็นญาติกันแต่ไม่สนิทกันเลยซึ่งผู้คุมคนดังกล่าวไม่รู้เรื่องอะไรอย่าเอาไปโยงกันเลยให้ความเป็นธรรมกับผู้คุมคนดังกล่าวด้วย