วันนี้ (4 ตุลาคม) เมื่อเวลา 14.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเข้าพบ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)ด่วน เพื่อเข้าขอบคุณและหารือการยกระดับกฎหมายการครอบครองปืนสืบเนื่องจากเหตุการณ์เยาวชนชาย 14 ปี ก่อเหตุยิงที่ศูนย์การค้าพารากอน
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ในเรื่องคดีผู้กระทำความผิดมีสถานะเป็นเด็ก จึงขอให้ทุกฝ่ายให้ความระมัดระวังในการนำเสนอข่าวใดๆซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังทำการสอบสวนอยู่ ผู้ก่อเหตุเองจนล่าสุดได้รับรายงานว่ายังไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะให้ปากคำได้ ในส่วนของประเด็นที่นายกฯเดินทางมา ท่านขอให้ ตร.ยกระดับการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวกับอาวุธปืน ซึ่งเรื่องนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการมาโดยตลอด อ้างอิงจากสถิติการกวาดล้างอาวุธปืนเมื่อประมาณสองเดือนก่อนหน้านี้ ตำรวจได้ดำเนินการตรวจสอบเข้าค้นที่หมายกว่า 100 แห่งเข้าจับกุมผู้ต้องหาได้กว่า 2,000 คดีได้ปืนของกลางกว่า 900 กระบอก
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวต่อว่า ตนได้กำชับให้ตำรวจจับกุมปืนของจริง แต่ทั้งนี้จากสถิติที่ พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่รายงานมาถึงตนเมื่อวานนี้(3 ตุลาคม) ปืนที่เป็นปืนจริงไม่ได้ออกมากระทำความผิดเลย ปืนที่นักเรียนส่วนมากใช้มาก่อเหตุจะเป็นปืนชนิดแบลงค์ กัน(blank gun) ตรงกับที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ(สพฐ.) รายงานสถิติการใช้ปืนแบลงค์ กันสูงมาก แต่ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าขณะนี้มันไม่มีกฎหมายใดที่ไปบังคับการนำเข้าผ่านทางกรมศุลกากร คนขายขออนุญาตขาย คนซื้อไม่ต้องมีใบอนุญาต นี่คือช่องว่างของกฎหมาย จากนั้นคนซื้อนำไปดัดแปลง อย่างกรณีเมื่อวานนี้ที่เกิดขึ้น ผู้ก่อเหตุเองก็ใช้ปืนแบงค์ กันที่ผ่านการดัดแปลงทำตามช่องทางยูทูปในขั้นแรกตนได้สั่งการให้กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.)เฝ้าเจาะเว็บไซต์พวกนี้ให้ได้ ตั้งเป็นทีมเฉพาะในการคุมเว็บไซต์ที่ขายปืนเถื่อนทางออนไลน์
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ในส่วนของข้อกฎหมายเราประสานกับกรมการปกครองเพื่อไม่ให้สิ่งที่จะทำให้ปืนแบงค์ กันเป็นสิ่งที่ซื้อขายได้ ให้ตีของดัดแปลงลักษณะนี้เป็นอาวุธไปเลย เรายกระดับข้อกฎหมายนี้ไม่ให้นำเข้ามาโดยวิธีใด ไม่ให้สิ่งนี้หลุดเข้ามาในระบบในท้องตลาด เรื่องนี้ยืนยันว่าเราดำเนินการอยู่ไม่ใช่แค่จับกุมแต่เราจะต้องยกระดับข้อกฎหมายเรื่องการนำเข้า
ทั้งนี้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวต่อว่า ขอให้สื่อ ประชาชนระมัดระวังการพูดถึงพฤติกรรมคนร้ายทำให้เขาเป็นเป้าเป็นฮีโร่ เสี่ยงที่จะเกิดพฤติกรรมการเลียนแบบ ต้องขอบคุณสื่อมวลชนที่เข้าใจและไม่นำเสนอพฤติกรรมต่างๆรวมถึงคลิปต่างๆ
ส่วน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำเรื่องหลักสูตร หนีซ่อนสู้ ขอให้สื่อช่วยกันกระจายไปหลายช่องเพื่อให้เกิดช่องทางความรู้และนำไปใช้ในชีวิตจริง จะเห็นว่าอย่างเด็กนักเรียนกรุงเทพคริสเตียนและโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒปทุมวัน ที่ได้ฝึกหลักสูตรนี้ไป ตอนที่เกิดเหตุจริงลูกก็ได้สอนแม่ให้แม่ทำตามที่ได้เรียน
อย่างที่เราเห็นคนร้ายมักจะทำคือเลือกเป้าหมายเป้าหมายที่อ่อนแอก่อนอันดับแรก เรื่องที่เราสอนจะ เกิดประโยชน์ในการป้องกันตัวเองหากเกิดเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริง ฉะนั้นขอฝากสื่อมวลชนนำเสนอความรู้คลิปเกี่ยวกับหลักสูตรนี้ออกไป