วันนี้ 4 ต.ค. 66 ร้อยตำรวจเอก ธัญอมร หนูนารถ รองสารวัตรปราบปราม สน.ปทุมวัน เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า เมื่อตนเองทราบว่าเกิดเหตุกราดยิงในห้างสยามพารากอน และผู้ก่อเหตุเป็นเด็กอายุ 14 ปี ตนเองก็อาสาขอเข้าไประงับเหตุทันที แม้จะไม่ใช่ชุดปฏิบัติการพิเศษ แต่ก็เคยฝึกอบรมหลักสูตรเผชิญเหตุ Active Shooter มาแล้วหลายหลักสูตร ประกอบกับหากปล่อยให้เวลาผ่านไป อาจเกิดความสูญเสียเพิ่มขึ้น โดยตนนั้นมุ่งมั่นที่จะระงับเหตุ หยุดคนร้ายและหยุดการฆ่าให้ได้ โดยเน้นการเจรจา และแสดงให้เห็นอาวุธปืนยาวของเจ้าหน้าที่ เพื่อให้เด็กรู้สึกกดดัน ไม่อยากสู้กับเจ้าหน้าที่ และยอมมอบตัว
โดยเนื่องจากห้างมีขนาดใหญ่ จึงมีการแบ่งกำลัง 1 ชุดดูกล้องวงจรปิด และกระจายกำลังค้นหาคนร้าย โดยชุดของตนเองได้รับข้อมูลว่า ผู้ก่อเหตุปรากฎตัวที่ชั้น 3 ทิศใต้ของห้าง บริเวณใกล้ร้านเฟอร์นิเจอร์ จึงขึ้นไปตรวจสอบ ตอนที่ไปถึง พบว่า เด็กชายวัย 14 กำลังคุยโทรศัพท์กับตำรวจชุดไกล่เกลี่ยอีกชุดที่พยายามเจรจาเกลี้ยกล่อมให้มอบตัว
ร.ต.อ.ธัญอมร เล่าต่อว่า จากนั้นตนเองจึงประเมินสถานการณ์ว่า ผู้ก่อเหตุกำลังวัดใจ จึงแสดงอาวุธให้เห็นว่าตำรวจมีอาวุธปืนยาว ซึ่งเป็นอาวุธที่เหนือกว่า เป็นจิตวิทยาให้ผู้ก่อเหตุรู้ว่า ถึงสู้ไปก็สู้ไม่ได้ สุดท้ายฝ่ายผู้ก่อเหตุจึงยอมวางอาวุธปืน และมอบตัวกับตำรวจ
โดยขณะที่เจ้าไปจับกุมและแจ้งรายละเอียดว่าการกระทำความผิดจะถูกแจ้งข้อหาอะไรบ้าง และแจ้งสิทธิของผู้ต้องหาตามขั้นตอนทางกฎหมาย โดยขณะนั้นผู้ก่อเหตุมีท่าทีนิ่ง ไม่ตอบโต้อะไร แต่ดูมีสติดี จากนั้นผู้บังคับบัญชาจึงมาสอบปากคำต่อ
โดย ร.ต.อ.ธัญอมร ตั้งข้ออีกว่า ระหว่างที่เข้าไประงับเหตุ ส่วนตัวเชื่อว่าผู้ก่อเหตุน่าจะมีความชำนาญในการใช้อาวุธปืน เพราะมีอุปกรณ์สำหรับเหน็บปืน และยังมีแม็กกาซีนติดตัวอีก 2 แม็ก มีกระสุนประสานประมาณ 15 นัด และลักษณะการใช้อาวุธดูเหมือนผ่านการฝึกมาก่อน