“รอง ผบช.น.” ยืนยัน ผลตรวจดีเอ็นเอ ศพเด็กในพื้นที่บางซื่อ ตรงกับ ‘เอ็ม-เจษฎา’

ที่ สน.บางเขน เมื่อเวลา 11.21 น. วันที่ 22 ก.ย. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น.เปิดเผยว่า ทาง พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ได้แจ้งชุดพนักงานสอบสวนว่า ผลการตรวจ ดีเอ็นเอ ของ 2 ศพที่เจอที่บางซื่อในปี 2556 และ 2557 นั้น ตรงกันกับนายสองศักดิ์กับ น.ส.เจษฎา มีความสัมพันธ์เป็นพ่อแม่ลูกกันจริง ตามการคำรับสารภาพของ น.ส.เจษฎา ว่ามีการนำศพไปทิ้ง 2 ศพดังกล่าว ทางพนักงานสอบสวนจะดำเนินการออกหมายจับ น.ส.เจษฎา โดยพนักงานสอบสวนจะไปรับผลการตรวจช่วงบ่ายวันนี้ ที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ เพื่อรวบรวมหลักฐานเสนอศาลอาญาขอออกหมายจับต่อไป สำหรับสาเหตุการตายของเด็กทั้งสองคนแพทย์ชันสูตรได้ออกผลชันสูตรตั้งแต่ปี 2556 และ 2557 แล้วว่า สาเหตุการตายเกิดจาก กะโหลกศีรษะมีบาดแผล และระบบการหายใจล้มเหลว

พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า ในส่วนของเด็ก 4 ขวบที่ถูกทำร้ายปากแหว่ง มีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าตัวน้องตั้งแต่แรกเกิดมีสภาพสมบูรณ์ ปกติ พนักงานสอบสวนจะต้องไปสอบแรกเริ่มตั้งแต่โรงพยาบาลและครอบครัวที่เป็นผู้เลี้ยงน้องมาว่าร่างกายของเขามีปกติ กระทั่งพ่อแม่นำน้องกลับมาเลี้ยงพบว่าเด็กมีสภาพปากแหว่ง โดยอ้างว่าเกิดจากเชื้อรากัด ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฎพนักงานสอบสวนจะต้องสอบสวนข้อเท็จจริงให้เสร็จสิ้น ในการดำเนินคดีค้ามนุษย์จะต้องหาพยานหลักฐานในกรอบของกฎหมาย ขณะนี้เด็กอยู่ในความคุ้มครองของ พม.

ส่วนตัวตนรู้สึกสะท้อนใจมาก ผู้ต้องหาทำกับลูก เหมือนตายทั้งเป็น เด็กต้องโตขึ้นมา ปากแหว่ง ได้รับแจ้งจาก กัน จอมพลัง ว่า มีแพทย์รับการรักษาน้องแล้ว ในการเรียกรับผลประโยชน์จากความพิการของเด็ก เข้าข่ายการค้ามนุษย์ พนักงานสอบสวนต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจน โดยมีหลักฐานการโพสต์ขอรับบริจาคของนายส่องศักดิ์ และน.ส.เจษฎา ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค. ที่ผ่านมามีการโอนเงินทั้งหมด 17 รายการ รวม เป็นเงิน 3,500 บาท โดยนำเงินที่ได้ไปเลี้ยงดูชีวิตตัวเอง

รอง ผบช.น. กล่าวว่า สำหรับภรรยารายที่ 5 ที่พึ่งตรวจพบนั้น ได้เลิกกันกับนายส่องศักดิ์มานานแล้ว และไม่มีบุตรด้วยกัน โดยฝ่ายหญิงมีครอบครัวใหม่แล้ว ขออนุญาตปกปิดชื่อของภรรยา โดยตำรวจจะต้องเชิญมาสอบให้เห็นถึงพฤติกรรมของตัวผู้ต้องหาเพื่อประโยชน์ต่อรูปคดี

พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า สำหรับการตรวจค้นอพาร์ตเมน์ ซอยพหลโยธิน 48 ในช่วงบ่ายวันนี้ หลังจากที่นายส่องศักดิ์และ น.ส.สุนัน ทำการโบกปูนศพลูกที่จังหวัดกำแพงเพชร ในช่วงกรกฎาคม ผู้ต้องหาทั้งสองได้ย้ายถิ่นที่อยู่จาก เอสเค อพาร์ตเมนต์ ไปอยู่เช่ารายเดือน ซอยพหลโยธิน 48 เจ้าหน้าที่จึงต้องตามหาพยานหลักฐานคดีเพิ่มเติม เพื่อหาพยายามวัตถุและอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ทำร้ายน้องว่ายังมีหลงเหลืออยู่หรือไม่

พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า จากแนวทางของผบช.นได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รองผบช.น. ได้พิจารณาในข้อกฎหมายทั้งหมดว่า พฤติกรรมของผู้ต้องหามีเจตนาการฆ่าผู้อื่นหรือไม่ โดยพล.ต.ต.สมควรกำลังพิจารณาว่า พฤติกรรมเข้าข่ายหรือไม่ ขณะเดียวกัน พนักงานสอบสวนส่งตัว น.ส.เจษฎาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลว่า ตามคำให้การที่ถูกนายส่องศักดิ์ทำร้าย ถูกวัตถุใดทำร้ายเพื่อให้สอดคล้องกับความเห็นของทางแพทย์

พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 กล่าวว่า ขณะนี้พยานหลักฐานที่รวบรวมได้นำไปสู่การแจ้งข้อหาในความผิดฐาน ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 มีโทษจำคุก 3-15 ปี และข้อหาทำลายพยานหลักฐาน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 184 โทษจำคุก 5 ปี และข้อหาซ่อนเร้นอำพรางศพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 199 และทำผิดป.วิ อาญา ทำลายศพที่ต้องชันสูตรพลิกศพ พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมข้อเท็จจริงและออกหมายจับหลังจากที่ได้รับผลการตรวจ DNA แล้ว ส่วนกระดูกที่พบทั้งหมดที่บริเวณปากซอยพหลโยธิน 56 คาดว่า จะทราบผลเร็วสุดในช่วงวันจันทร์หรืออังคารหน้า เพื่อตรวจสอบว่ามีความเชื่อมโยงกับตัว น.ส.เจษฎาและนายส่องศักดิ์หรือไม่

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.เปิดเผยว่า ในส่วนของการกระจายชุดสืบสวนลงพื้นที่ตามคำให้การของตัวผู้ต้องหา ได้ขอความร่วมมือกับอดีตภรรยาทุกคนของนายส่องศักดิ์ เพื่อขอข้อมูล เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีสำคัญ ข้อมูลที่ได้มาตรงกันว่าตัวผู้ต้องหามีพฤติกรรมก้าวร้าว อดีตภรรยาบางคนที่มีลูกกับนายส่องศักดิ์ระบุว่า นายส่องศักดิ์ไม่เคยดูแลส่งเสีย โดยฝ่ายหญิงจะต้องเป็นคนทำงานหาเลี้ยง ส่วนนายส่องศักดิ์รอใช้เงิน แต่ไม่มีพฤติกรรมเล่นการพนัน และเสพยาเสพติด