เตือนภัย! สองผัวเมียสุดช้ำ ถูกแก๊งมิจฉาชีพหลอกขายไม้ยูคากว่า 150 ไร่

วันที่ 3 กันยายน 2566 นายไกรศร งามตะคุ พร้อมภรรยา เข้าร้องเรียน ฝากเตือนภัยแก๊ง หลอกขาย สวนป่าไม้ยูคาลิปตัส โดยนายไกรศร มีอาชีพรับซื้อไม้ยูคาลิปตัส จากสวนต่างๆในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดใกล้เคียง เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา ตนเองได้วางมัดจำ ในการซื้อขาย สวนป่าไม้ยูคาลิปตัสในพื้นที่ อำเภอเนินสง่า จังหวัดชัยภูมิ เบื้องต้น ทางผู้ขาย บอกมีทั้งหมด 160 ไร่ ราคา 1,500,000 บาท ต่อรองราคาลด เหลือ 1 ล้าน 1 แสนบาท และตกลงวางมัดจำ กันที่ ร้านกาแฟ ใน ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ตำบลโพธิ์กลาง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา โดยนัดจ่ายเงินกัน เป็นเงินสดจำนวน 550,000 บาท บวกค่านายหน้าอีก 20,000 บาทรวมเป็นเงินทั้งหมด 570,000 บาท โดยเป็นเงินสด หลังจาก คนที่อ้างตัวเป็นนายหน้า และเป็นเจ้าของ สวนป่าไม้ยูคา รับเงินไปแล้วไม่มีการนับเงินแต่ประการใดบอกว่าเชื่อใจกัน จากนั้นแยกย้ายกัน โดยมีคน 2 คนเดินขึ้นรถเก๋งยี่ห้อ โตโยต้า ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนสีบรอนซ์เงินที่อยู่บริเวณด้านหน้า ร้านขายก๋วยเตี๋ยวในปั้มน้ำมัน  ส่วนผู้ชายที่ใส่เสื้อสีแดง ไม่ยอมขึ้นรถแต่ได้เดินไป บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ ก่อนที่รถเก๋ง ที่มีคนขับรถอยู่ในรถ ขับเคลื่อนออกไป และไปรับผู้ชายเสื้อแดงบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ ก่อนขับออกจากปั๊มน้ำมันไป ตามถนนสาย 304

ซึ่งหลังจากจ่ายเงินเรียบร้อยนายไกรสรได้ให้ทางบริษัทดับเบิ้ล เอเพื่อที่จะมารังวัดที่ดิน และตีราคา จะได้ประเมินต้นไม้ ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ดับเบิ้ลเอลงพื้นที่แล้วบอกว่า ไม้ยูคาดังกล่าวเป็นของ สส. ท่านหนึ่งในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ นายไกรศร ลงพื้นที่ สอบถามชาวบ้านอีกครั้ง พบว่าสวนไม้ยูคาดังกล่าวเป็นของ สส. จริงจึงคิดว่าโดนหลอกจึงเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลางอำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา เพื่อให้ติดตามจับกุมตัว แก๊งหลอกขายไม้ยูคาลิปตัส หลังจากรับแจ้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรโพธิ์กลาง ตรวจสอบพบว่าเอกสารที่ใช้ในการซื้อขายทำสัญญาเป็นเอก สารปลอมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน และ แปลงที่ดิน ภ.บ.ท.5 ก็เป็นของปลอมเช่นกัน โดยเอกสารปลอมแปลงขึ้นมาทั้งหมด

ด้านนายไกรศร กล่าวว่า ตนเองอยู่ในวงการขายไม้ยูคา จากการสอบถามพรรคพวกเพื่อนฝูงกล่าวว่าในพื้นที่อำเภอสูงเนิน ก็มีบุคคลสวมอ้างมาซื้อไม้ยูคาเหมือนกันโดยมากัน 3 คน และจ่ายเงินสดไปจำนวน 480,000 บาท แต่ไม่มีหลักฐานเพราะว่าเป็นการนัดจ่ายเงินกันบริเวณด้านนอกและไม่มีการถ่ายภาพไว้แต่ประการใดซึ่งตนเองเชื่อว่าน่า จะเป็นทีมหลอกลวงชาวบ้านแก๊งเดียวกันกับที่มาหลอกลวงตน