ยุทธการปราบบอย รวบหนุ่มใช้ความรุนแรงในครอบครัวทั้งเก่าและใหม่

สืบนครบาล และ สืบสวน รุ่น 111 ยุทธการปราบบอย รวบหนุ่มใช้ความรุนแรงในครอบครัวทั้งเก่าและใหม่

เมื่อประชาชนต้องการความช่วยเหลือให้สืบนครบาลติดตามตัว “บอย หนุ่มคลั่งติดยาเสพติด” ชอบใช้ความรุนแรง ก่อเหตุทำร้ายร่างกายเมียและลูก และกักขังหน่วงเหนี่ยวจนเคยตัว ทั้งยังตามข่มขู่รังควานเมียคนปัจจุบันและลูกจนหวาดผวาไม่เป็นอันกินอันนอน เมื่อภรรยาได้ขอความช่วยเหลือเข้ามา  สืบนครบาลและนักเรียนสืบสวน 111 ตรวจสอบพบว่าบอยมีพฤติกรรมโดยมีหมายจับทำร้ายร่างกายฯภรรยาคนเก่าจนทนไม่ได้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. จึงสั่งการให้ทำการสืบสวนทุกวิถีทางกว่า 3 วัน 3 คืน จนพบว่าผู้ต้องหาได้ประกอบอาชีพขับรถแท็กซี่อยู่ และหลบหนีมากบดานอยู่ใน กรุงเทพฯ ย่านลาดพร้าว83 ถึงแม้ว่าจะติดตามตัวได้ยากแต่ก็ไม่รอดพ้นฝีมือสืบนครบาลและนักเรียนสืบสวน 111 จับกุมจนได้ตัวนายบอย ตามหมายจับในข้อหาทำร้ายร่างกายสาหัสและก่อความรุนแรงในครอบครัวที่เคยก่อเหตุไว้กับภรรยาเก่าอีกคน ได้รับคำขอบคุณจากผู้เสียหายซึ่งไม่สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้

เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2566 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ,พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง  รอง ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น.  , พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. สั่งการให้ชุดจับกุม นำโดย  พ.ต.ต.พิสิทธิ์ เตชะ สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ต.กฤตวัฒน์ ขุนอินทร์ สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น. , ร.ต.อ.ปรัชญา โคตรสาขา รอง สว.กก.สส.๑ บก.สส.บช.น. นักเรียนหลักสูตรการสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 111 จับกุม นายธีรศักดิ์ หรือบอย (ขอสงวนนามสกุล)อายุ 39 ปี  ที่อยู่ตามบัตร เลขที่ 91 หมู่ 8 ตำบลทุ่งต่อ อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ผู้ต้องหาตามหมายจับ หมายจับศาลอาญา ที่ 2235/2566 ลง 13 กรกฎาคม 2566 ข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสและกระทำความรุนแรงในครอบครัว สถานที่จับกุมบริเวณหน้าบ้านเช่า(ไม่ทราบเลขที่) ซอยลาดพร้าว 83 แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลาง จังหวัดกรุงเทพมหานคร

พฤติการณ์ทางคดีก่อนทำการจับกุมเจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนทราบว่านายธีรศักดิ์ หรือบอย บุคคลตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2235/2566 ลง 13 กรกฎาคม 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสและกระทำความรุนแรงในครอบครัว” ได้หลบหนีหมายจับมากบดานพักอาศัยอยู่บริเวณบ้านเช่าของเพื่อนสนิทภายใน ซอยลาดพร้าว 83 แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลาง จังหวัดกรุงเทพมหานคร เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมจึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและเดินทางไปตรวจสอบบริเวณพื้นที่ดังกล่าว เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมไปถึงบริเวณหน้าบ้านเช่า ซอยลาดพร้าว 83 แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลาง จังหวัดกรุงเทพมหานครพบ นายธีรศักดิ์ฯ ยืนอยู่บริเวณหน้าห้องเช่าริมถนนดังกล่าว เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจให้แก่ นายธีรศักดิ์ฯ ทราบ พร้อมกับแสดงหมายจับฉบับดังกล่าวให้ นายธีรศักดิ์ฯ ดู อ่านให้ฟัง และให้อ่านด้วยตนเองจนเข้าใจข้อความตามหมายจับเป็นอย่างดีแล้ว นายธีรศักดิ์ฯ ให้การรับว่าตนเองเป็นบุคคลตามหมายจับฉบับนี้จริง และยังไม่เคยถูกจับกุมมาก่อนแต่อย่างใด พร้อมทั้งให้การ รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เจ้าพนักงานชุดจับกุมจึงได้แจ้งสิทธิ์พร้อมกับข้อกล่าวหาข้างต้น ให้แก่ นายธีรศักดิ์ฯ ทราบ จนเป็นที่เข้าใจดีแล้ว จากนั้นจึงจับกุมตัว นายธีรศักดิ์ฯ จัดทำบันทึกจับกุม และนำส่ง พนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

มีประวัติการต้องโทษ

1.เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ปี2554 สภ.ห้วยยอด จว.ตรัง

2.เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ปี2559 สน.คันนายาว จึงทำบันทึกการจับกุม และ นำตัวผู้ถูกจับส่งพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ผู้ต้องหาให้การรับว่าเคยถูกจับเมื่อปี 2554 ในคดีข้อหาทำร้ายร่างกายภรรยาเก่าจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและกระทำความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาคดี แต่ได้หลบหนีไประหว่างชั้นพิจารณาคดีในชั้นศาล ต่อมาได้มาอยู่กินกับภรรยาใหม่มีลูกด้วยกันสองคนแต่นายบอยก็ยังไม่เลิกนิสัยเสพยาเสพติด เมื่อเสพยาเสพติดก็มักมีอาการคุ้มคลั่งและหลอนจนทำร้ายภรรยากับลูก และกักขังอยู่บ่อยครั้ง จนทำให้ภรรยาและลูกทนไม่ไหว หวาดกลัวจนต้องหลบหนีไปพักที่อื่นหลบหนีมาได้กว่า 5 เดือนแล้ว เพื่อไม่ให้นายบอยหาเจอ

นายบอยสารภาพทิ้งท้ายกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเองว่าอยากจะเลิกเสพยาและทำตัวให้ดีขึ้น ปัจจุบันมาประกอบอาชีพขับรถแท็กซี่อยู่ ในช่วงเวลาที่พักไม่ได้ขับรถแท็กซี่ ก็ยังเสพยาอยู่เป็นประจำ ได้เงินมาก็เสพยา และเล่นพนันออนไลน์เมื่อถูกจับกุมก็ยินยอมและรับสารภาพ พร้อมรับผิดเพื่อให้ไม่มีสิ่งใดติดตัวอีก และจะปรับปรุงตนเองให้ดีขึ้นเพื่อลูกและเมีย

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า ความรุนแรงในครอบครัว เป็นทุกข์ที่สร้างความเดือดร้อนที่ไม่สามารถปล่อยไว้ อีกทั้งผู้ก่อเหตุมีประวัติเสพยาเสพติด มีผลกระทบกับการดำเนินชีวิตปกตินโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จะต้องดำเนินการทันที