รวบหนุ่มเปิดบริษัททำวีซ่าปลอม หลอกผู้รับเหมาก่อสร้าง มูลค่าความเสียหายกว่า 1.2 ล้านบาท

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ภายใต้การอำนวยการของ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ, พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท., พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.2 บก.ปอท., พ.ต.ท.สัตตเมธ ใจแก้ว, พ.ต.ท.นิธิ ตรีสุวรรณ, พ.ต.ท.ธนะ ว่องทรง รอง ผกก.2 บก.ปอท.

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.ชัยเวง พาด้วง, พ.ต.ต.กล้า สมบัติพิบูลย์, พ.ต.ต.จักรพงษ์ รุ่งจำกัด, ว่าที่ พ.ต.ต.วชิรเชษฐ์ อัครธีระพงศ์, ว่าที่ พ.ต.ต.กมลภพ หาญเวช สว.กก.2 บก.ปอท., ว่าที่ พ.ต.ต.ศุภเดช ธนชัยศิริ สว.(สอบสวน) กก.2 บก.ปอท. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท.

ร่วมกันจับกุมตัว นายเศกสิทธิ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดนครปฐม ที่ 362/2566 ลง 6 ก.ค.66 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ปลอมเอกสารราชการ, ฉ้อโกง” สถานที่จับกุม บริเวณหน้าบ้านพักย่าน รังสิต-คลองสอง ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

พฤติการณ์ สืบเนื่องจาก เมื่อประมาณช่วงต้นปี 2566 ได้มีบริษัทฯ รับทำเอกสารแรงงานต่างด้าวแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.ปทุมธานี ได้แอบอ้างว่าสามารถจัดทำพาสปอร์ตและวีซ่าสำหรับแรงงานต่างด้าวที่ทำงานในประเทศไทยได้ จนมีผู้เสียหายซึ่งประกอบอาชีพเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ที่มีความประสงค์จะทำพาสปอร์ตและวีซ่าการทำงานให้กับแรงงานของตนกว่า 50 ราย ได้ยื่นเรื่องกับบริษัทฯ ดังกล่าว โดยบริษัทฯ ดังกล่าวได้เรียกเก็บเงินเพื่อเป็นค่าดำเนินการ รายละ 25,000 บาท รวมมูลค่ากว่า 1,200,000 บาท และยืนยันกับผู้เสียหายที่เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างว่าจะแรงงานต่างด้าวทั้งหมดจะได้รับเอกสารการทำงานที่ถูกต้องตามกฎหมายภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ต่อมา บริษัทฯ ดังกล่าวได้นำพาสปอร์ตและวีซ่าสำหรับแรงงานต่างด้าวทั้งหมดมาส่งมอบให้กับผู้เสียหาย แต่ปรากฎว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารที่ปลอมขึ้นมาทั้งหมด เมื่อนำไปยื่นกับทางราชการก็ได้รับการยืนยันว่าเป็นเอกสารปลอม ผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ กับพนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์แก้ว และตรวจสอบกลับไปยังบริษัทฯดังกล่าว พบว่ามี นายเศกสิทธิ์ฯ อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทฯ มีพฤติกรรมในลักษณะหลอกลวงกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างที่มีแรงงานต่างด้าวอยู่ในความดูแลมากๆ โดยกล่าวอ้างว่าตนเองสามารถจัดทำเอกสารเพื่อให้แรงงานต่างด้าวสามารถทำงานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ภายหลังจากการสืบสวนและติดตามตัวผู้ต้องหา พบว่ามีพฤติการณ์หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขออนุญาตต่อศาลจังหวัดนครปฐม เพื่อขออนุมัติออกหมายจับ นายเศกสิทธิ์ฯ ตามหมายจับ ศาลจังหวัดนครปฐม ที่ 362/2566 ลง 6 ก.ค.66

จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. ได้รับการประสานให้ช่วยสืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าว เนื่องจากการกระทำในลักษณะดังกล่าว นอกจากจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้รับเหมาซึ่งเป็นคนไทยแล้ว ยังก่อให้เกิดความเสียหายต่อแรงงานต่างด้าว ที่มีความต้องการจะเข้ามาทำงานในประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่มาถูกหลอกลวงให้เสียทรัพย์สิน และยังมีความเสี่ยงที่อาจจะตกเป็นผู้ต้องหาในการใช้เอกสารราชการปลอมอีกด้วย

ภายหลังจากการสืบสวนติดตาม พบว่านายเศกสิทธิ์ฯ ได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ที่บ้านพัก ในพื้นที่รังสิต-คลองสอง ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. จึงได้ลงพื้นที่สืบสวนหาข่าวและเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณบ้านพักหลังดังกล่าว จนกระทั่งพบตัว นายเศกสิทธิ์ฯ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2566 เวลาประมาณ 14.00 น. จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และแสดงหมายจับให้นายเศกสิทธิ์ฯ ตรวจสอบ ยืนยันว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริงและไม่เคยถูกจับตามหมายจับนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. จึงทำการจับกุม และนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์แก้ว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา แต่ยอมรับว่าตนเองเปิดบริษัทฯ ทำเกี่ยวกับหนังสือเดินทางและต่อวีซ่าจริง แต่เนื่องด้วยข้อจำกัดในระยะเวลาการเปิดให้ต่อวีซ่า ประกอบกับจำนวนบุคคลต่างด้าวที่ต้องการทำหนังสือเดินทางและต่อวีซ่า มีเป็นจำนวนมาก ทำให้บริษัทฯ ทำเอกสารไม่ทันตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายดังกล่าว ส่วนกรณีการจัดทำเอกสารปลอมผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธ

ตำรวจสอบสวนกลาง CIB จึงขอเตือนไปยังผู้ประกอบการ/ผู้รับเหมาก่อสร้างที่มีแรงงานต่างด้าวอยู่ในความดูแลว่า อย่าได้หลงเชื่อกลุ่มบุคคลที่มาแอบอ้างว่าสามารถรับเป็นนายหน้าทำเอกสารปลอมเพื่อนำแสดงต่อเจ้าหน้าที่ และเตือนไปยังผู้ที่มีพฤติการณ์หลอกลวงว่าการกระทำดังกล่าวอาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานจัดทำเอกสารราชการปลอม ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด ถึง 5 ปี ปรับ 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ